วันที่ 25 กันยายน 66 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้ากรณี นางพัชรี อายุ 48 ปี ซึ่งเป็นผู้เสียหายที่ถูกอดีตลูกเขย หรือนายต้น พร้อมพวกก่อเหตุอุ้มลักพาตัวขึ้นรถเก๋งฮอนด้าสีขาวไปเรียกเงินค่าไถ่จำนวน 300,000 บาท เหตุเกิดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 20 กันยายน 66 เวลาประมาณ 08.30 น.ขณะกลับจากไปส่งหลานที่โรงเรียน ตามที่ผู้สื่อข่าวได้เคยนำเสนอไปก่อนหน้านี้แล้วนั้น

คืบหน้าล่าสุดวันนี้เวลา 11.00 น.ผู้สื่อข่าว ได้ติดต่อขอสัมภาษณ์ผ่านทางโทรศัพท์กับนางพัชรี (ผู้เสียหาย) อายุ 48 ปี ในขณะเดินทางไปให้สัมภาษณ์ออกรายการทีวีช่องหนึ่งในกรุงเทพมหานคร ถึงความรู้สึกอย่างไรเมื่อทราบข่าวว่าตำรวจสามารถจับตัวผู้ต้องหาที่ร่วมก่อเหตุลักพาตัวมาได้ 1 รายแล้ว และเป็นอดีตลูกเขยของตนด้วย โดยนางพัชรี ได้เปิดใจกับผู้สื่อข่าวว่า หากผู้ต้องหาที่ถูกจับมาได้เป็นอดีตลูกเขยของตนจริงก็รู้สึกเสียใจเป็นอย่างมากไม่น่ามาทำกันได้ เนื่องจาก ขณะถูกลักพาตัวได้เดินทางกลับมาจากไปส่งหลานสาวที่โรงเรียน ซึ่งเป็นลูกสาวของอดีตลูกเขยที่มาก่อเหตุลักพาตัวตนไปเรียกค่าไถ่อีกด้วย ซึ่งหลานสาวคนนี้ที่เป็นลูกสาวของอดีตลูกเขยตนเลี้ยงให้มาตั้งแต่เล็กยังแบเบาะจนขณะนี้หลานสาวอายุได้ 3 ขวบแล้ว

 

 

ตนเองเคยเห็นหน้าอดีตลูกเขยมาบ้างแต่ไม่บ่อย และในวันเกิดเหตุผู้ก่อเหตุทั้งหมดสวมแมสปิดบังใบหน้าทำให้ตนจำใครไม่ได้ แต่ตนจำผู้ก่อเหตุที่ใส่หมวก และไม่ได้ปิดแมสได้ดี ซึ่งตรงกับภาพตำรวจที่ชื่อแงะ ที่ลูกสาวนำเอาภาพจาก Facebook มาเปิดให้ดูเทียบเคียง ส่วนการทำงานของตำรวจที่สามารถติดตามจับตัวคนร้ายมาได้แล้ว 1 คน อย่างรวดเร็ว ตนรู้สึกดีใจและขอขอบคุณตำรวจที่ไม่นิ่งนอนใจติดตามจับกุมตัวคนร้ายมาได้ แต่ยังเหลือผู้ก่อเหตุอีก 3 คน ซึ่งในจำนวนนั้นตนมั่นใจว่ามีตำรวจจริงร่วมขบวนการอยู่ด้วย เนื่องจากได้ยินเสียงวิทยุ และ หน้าผู้ก่อเหตุที่สวมหมวกแล้วเดินมาล็อคคอตน หน้าตรงกันกับที่ลูกสาวนำภาพมาเปิดให้ดู ถึงดีใจที่ตำรวจจับผู้ต้องหามาได้ แต่ก็ยังมีความหวาดกลัวเรื่องความไม่ปลอดภัยอยู่ดี เพราะตำรวจยังจับตัวผู้ต้องหาที่เหลือมาได้ยังไม่หมด