ตำรวจไทยร่วมกับตำรวจกัมพูชา ทลายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รวบคนไทยทำหน้าที่โทรหลอกโอนเงิน
10 ก.ย. 2566, 13:17
วานนี้ (9 ก.ย.66) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พร้อมทีมตำรวจไทย ร่วมกับ พล.ต.ท.เสียง เทีย ริต รองผู้อำนวยการกองบัญชาการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติกัมพูชา , พลตำรวจจัตวา ดารา สุเภีย รองผู้อำนวยการ สำนักงานข่าวกรองแห่งชาติกัมพูชา , พ.ต.อ.ฮุง วี แรก ผู้บังคับการต่อต้านการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติกัมพูชา และ พ.ต.ท.ชิ โคโบตร้า เลขาธิการผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกัมพูชา ร่วมกันติดตามจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับที่หลบหนีอยู่ในกัมพูชาได้อีก 4 คน ได้แก่
1.นายสุพล อายุ 21 ปี ทำหน้าที่ หัวหน้าคนไทยควบคุมพนักงานคอลเซ็นเตอร์ฝั่งกัมพูชา และจัดหาบัญชีธนาคารของผู้อื่น (บัญชีม้า)
2.น.ส.นิศารัตน์ อายุ 22 ปี ทำหน้าที่ พนักงานในคอลเซ็นเตอร์
3.น.ส.กนกพร อายุ 19 ปี ทำหน้าที่ พนักงานในคอลเซ็นเตอร์
4.น.ส.กรกนก อายุ 19 ปี ทำหน้าที่ พนักงานในคอลเซ็นเตอร์
ทั้งหมดถูกแจ้งข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน,ร่วมกันนำเข้าข้อมูลเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ฯ , และข้อหามีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พร้อมยึดของกลาง เช่น โทรศัพท์มือถือ, บัตร ATM, สมุดบัญชีธนาคาร และอื่นๆ รวมทั้งสิ้นกว่า 100 รายการ และเงินสดจำนวนกว่า 240,000 บาท
โดยคดีนี้ได้ออกหมายผู้ต้องหาไปแล้วทั้งสิ้น 30 หมายจับ สามารถจับกุมได้ 16 ราย แบ่งหน้าที่กันดังนี้
กลุ่มเจ้าของบัญชีม้ารับโอนเงิน จำนวน 16 ราย จับกุมได้ 9 ราย หลบหนี 7 ราย
กลุ่มผู้ถอนเงิน จำนวน 4 ราย จับกุมได้ 2 ราย หลบหนี 2 ราย
กลุ่มจัดหาบัญชีม้า จำนวน 2 ราย จับกุมได้ 2 ราย
กลุ่มพนักงานในคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 6 ราย หลบหนี 6 ราย (อยู่ในกัมพูชา)
กลุ่มชาวจีน ผู้ควบคุมพนักงานในคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 2 ราย หลบหนี 2 ราย (อยู่ในกัมพูชา)
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า คดีนี้สั่งการให้เจ้าหน้าที่สืบสวนขยายผลออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งขบวนการที่เกี่ยวข้องกับแก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวทั้งหมด ตั้งแต่บัญชีม้าจนถึงหัวหน้าขบวนการชาวจีนมากถึง 30 ราย โดยจับกุมแล้ว 12 ราย และสืบทราบว่ากลุ่มเหล่านี้ตั้งออฟฟิซอยู่ที่ปอยเปต กัมพูชา จึงได้ประสานงานกับ พล.ต.อ.ซอ เทต ผบ.ตร.กัมพูชา เพื่อทลายจุดคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าว ซึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้เพิ่มเติม 4 ราย ทำหน้าที่โทรหลอกลวงผู้เสียหายให้โอนเงิน โดยจะนำตัวกลับไทยเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย หลังจากนี้จะได้ร่วมกันกับเจ้าหน้าที่ทางการกัมพูชา เพื่อติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ยังหลบหนีอยู่ทั้งหมด เพื่อนำกลับมาดำเนินคดีที่ไทยจนถึงที่สุดต่อไป