ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนกระหน่ำยิง นายบุญชอบ พวงจำปา อายุ 53 ปี  อาชีพรับราชการตำแหน่ง ปลัดอาวุโส อ.กันทรารมย์  ขณะที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ของผู้ตายยี่ห้อ ยามาฮ่า รุ่นฟิโน่ สีฟ้าขาว ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน กลับมาจากซื้อบุหรี่และกาแฟที่บ้านหนองกี่ ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ  ทำให้นายบุญชอบเสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดที่ถนนสาธารณะ ระหว่างบ้านโคก -บ้านหนองกี่ บริเวณ ตรงข้ามศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองกี่ ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ ชาวบ้านพยานที่อยู่ในที่เกิดเหตุ เผยคนร้ายเป็นชายไม่ทราบว่าเป็นผู้ใด ขับขี่รถจักรยานยนต์แบบหญิง สีแดงดำไม่ทราบหมายเลขทะเบียน สวมเสื้อสีเขียว ลายพรางทหาร  สวมหมวกผ้าแบบปีกชนิดมีที่ปิดหน้า สีเขียวลายพลางทหาร ติดตามผู้ตายมาทางด้านหลัง เมื่อถึงที่เกิดเหตุ ได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิด ยิงผู้ตายทางด้านหลัง จำนวน 5 นัด จนผู้ตายล้มลงไปนอนคว่ำอยู่ข้างทาง รถจักรยานยนต์ได้ล้มลง  จากนั้น คนร้ายได้ขับขี่รถจักรยานยนต์ หลบหนีไปทางทิศตะวันตกทางไปบ้านโคก ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 15.10 น. วันที่ 27 ส.ค.2566  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ที่บริเวณตรงข้ามศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านหนองกี่ ต.ยาง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ  ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุฆ่าโหด  นายบุญชอบ  พวงจำปา  ปลัดอาวุโส อ.กันทรารมย์  พล.ต.ต.ลาภ ศรีสำอางค์ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ พร้อมด้วย พ.ต.อ.เทพพิทักษ์ แสงกล้า รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ  พ.ต.อ.ธัชพงศ์ พรหมมา ผกก.สภ.กันทรารมย์  พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐานจังหวัดศรีสะเกษ  ได้ร่วมกันตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ที่คนร้ายใช้อาวุธปืนยิงนายบุญชอบ เสียชีวิต เพื่อสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจะได้ติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป  

พล.ต.ต.ลาภ ศรีสำอางค์ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนขนาด .380 จำนวน 3 ปลอกตกอยู่บนถนนที่เกิดเหตุ และพบร่องรอยอีกหลายอย่างในที่เกิดเหตุ  ซึ่งกระสุนปืนขนาด .380 นี้จะใช้กันแพร่หลาย แต่ว่าจะใช้กันมากในกลุ่มเจ้าหน้าที่ของรัฐ เนื่องจากว่าเป็นปืนที่มีการจัดโครงการสวัสดิการให้กับเจ้าหน้าที่ ตร.ทหารและฝ่ายปกครอง เป็นปืนพกซ่อนขนาดเล็ก ขณะนี้ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ ตร.ชุดสืบสวนทั้ง ภ.จว.ศรีสะเกษ และ สภ.กันทรารมย์ทำการสืบสวนไล่เช็คภาพจากกล้องวงจรปิดเพื่อหาเบาะแสของคนร้ายรายนี้  ซึ่งจากการสอบสวนคาดว่า สาเหตุของการฆ่าโหดครั้งนี้ คาดว่าเกิดจากปัญหาภายในหน่วยงานเกี่ยวกับเรื่องการเบิกจ่ายเงิน แต่อย่างไรก็ตามตนได้กำชับให้ พ.ต.อ.ธัชพงศ์  พรหมมา  ผกก.สภ.กันทรารมย์ ได้ควบคุมคดีนี้ทำการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงอย่างเต็มที่ และในวันพรุ่งนี้ (28 ส.ค.66) เจ้าหน้าที่ ตร.ชุดสืบสวน ตร.ภาค 3 จะลงมาช่วยในการสืบสวนเพื่อติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้มาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้โดยด่วนที่สุด เนื่องจากว่าเป็นคดีอุจฉกรรจ์มาก

พ.ต.อ.ธัชพงศ์  พรหมมา ผกก.สภ.กันทรารมย์ กล่าวว่า  จากการสอบสวนสาเหตุการฆ่าโหดคาดว่า มาจากหลายสาเหตุ แต่ที่มีน้ำหนักมาก น่าจะมาจากปัญหาเรื่องการทำงาน เนื่องจากว่า นายบุญชอบจะบ่นกับคนใกล้ชิดว่า มีการเบิกจ่ายเงินที่ได้รับบริจาคมาในช่วงน้ำท่วมกันทรารมย์ครั้งใหญ่เมื่อปี 2565  โดยมีการเบิกเงินไปจำนวน 300,000 บาท และมีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณอีกหลายรายการ ทำให้นายบุญชอบไม่สบายใจและเกิดความ เครียดมาก เพราะเกรงว่า การเบิกจ่ายเงินงบประมาณอาจจะไม่ชอบด้วยระเบียบกฎหมายของทางราชการก็ได้  อย่างไรก็ตามขณะนี้ตนและพนักงานสอบสวนเจ้าของคดีจะได้ทำการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนอย่างละเอียด เพื่อติดตามจับกุมคนร้ายรายนี้มาลงโทษตามกฎหมายให้ได้โดยด่วนที่สุด

นางจันทร์  พวงจำปา  อายุ  81 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 114 หมู่ 11 บ้านเทิน ต.บัวน้อย อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ  ซึ่งเป็นแม่ของนายบุญชอบ เหยื่อสังหารโหด กล่าวว่า  นายบุญชอบ มีความเป็นห่วงตนและพี่สาวของนายบุญชอบที่อยู่กับแม่เป็นอย่างมาก  โดยนายบุญชอบจะนำเอาอาหารมาส่งให้ตนกินเป็นประจำ ซึ่งก่อนเกิดเหตุไม่มีลางบอกเหตุแต่อย่างใด  แต่ว่าในช่วงนี้ นายบุญชอบมักจะบ่นให้ตนฟังเป็นประจำว่า  มีความหนักใจและไม่สบายใจมากเกี่ยวกับเรื่องการทำงาน  ซึ่งตนคาดไม่ถึงว่า นายบุญชอบ ลูกชายสุดที่รักของตนจะต้องมาถูกฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้  ตนขอให้เจ้าหน้าที่ ตร.ติดตามจับกุมคนร้ายมาลงโทษตามกฎหมายให้ได้โดยด่วนด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ เป็นอำเภอใหญ่และในแต่ละปีจะได้รับการจัดสรรงบประมาณจำนวนมาก  เมื่อเกิดเหตุการณ์ฆ่าโหด นายบุญชอบ  พวงจำปา  ปลัดอำเภออาวุโส ใจซื่อมือสะอาด ในครั้งนี้  หลายฝ่ายจึงได้เรียกร้องให้ สตง.และ ป.ป.ช.ประจำ จ.ศรีสะเกษ ได้เข้ามาตรวจสอบการเบิกจ่ายเงินทุกประเภทของที่ว่าการ อ.กันทรารมย์  ด้วยว่า มีการดำเนินการเบิกจ่ายเงินงบประมาณ เป็นไปตามระเบียบกฎหมายของทางราชการหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้เพื่อความโปร่งใสและเพื่อเป็นการรักษาประโยชน์ของทางราชการไม่ให้ได้รับความเสียหาย