วันนี้ ( 24 ส.ค.66 ) นายเสกสม อัครพันธุ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบกร่วมลงนามกับกรุงเทพมหานคร ตามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการประสานความร่วมมือเพื่อดำเนินการเร่งรัดจัดเก็บภาษีประจำปี สำหรับรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์และรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก เพื่อสนับสนุนข้อมูลผู้ค้างชำระภาษีรถประจำปีและส่งให้กับ กทม. ทั้ง 50 เขต ช่วยติดตามทวงถามไปยังผู้ที่ค้างชำระภาษีให้มาดำเนินการชำระภาษีให้แล้วเสร็จ

ทั้งนี้ ในแต่ละปีกรมการขนส่งทาง นำส่งรายได้จากการจัดเก็บภาษีรถ ให้กรุงเทพมหานครประมาณ 14,400 ล้านบาท ซึ่งมียอดการจัดเก็บภาษีรถสูงสุดกว่าทุกพื้นที่ และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นจากยอดการจดทะเบียนรถทุกประเภท แต่ปัจจุบันยังพบว่าผู้ใช้รถที่จดทะเบียนใน กทม. ยังค้างชำระภาษีรถประจำปีตั้งแต่ระยะเวลา 1-3 ปี รวมกว่า 2,770,000 คัน คิดเป็นเงินประมาณ 3,100 ล้านบาท จึงมั่นใจว่าการลงนามครั้งนี้จะช่วยเร่งรัดผู้ที่ค้างชำระภาษีรถประจำปีมาชำระภาษีและทำให้ กทม. สามารถจัดเก็บรายได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1,000-1,200 ล้านบาทต่อปี เพื่อนำไปพัฒนาท้องถิ่น

รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวย้ำว่า การค้างชำระภาษีรถประจำปี ถือเป็นการใช้รถโดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย อีกทั้งยังไม่สามารถทำกรมธรรม์ประกันภัย ภาคบังคับได้ เมื่อเกิดอุบัติเหตุจะไม่ได้รับความคุ้มครองจากกรมธรรม์ประกันภัยตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังขอความร่วมมือ ประชาชนเจ้าของรถให้จดทะเบียนตามท้องที่ที่ตนเองอยู่ เพื่อนำรายได้ไปพัฒนาท้องถิ่น เนื่องจากปัจจุบันผู้ใช้รถส่วนใหญ่โดยเฉพาะในพื้นที่ปริมณฑล นิยมจดทะเบียนรถใช้ป้ายกรุงเทพฯ ทำให้รายได้ดังกล่าวไม่กระจายไปในท้องถิ่นของตนเอง