เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



กทพ. ชะลอปรับค่าผ่านทางพิเศษ "ฉลองรัชและบูรพาวิถี" ออกไปอีก 6 เดือน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน


22 ส.ค. 2566, 12:03



กทพ. ชะลอปรับค่าผ่านทางพิเศษ "ฉลองรัชและบูรพาวิถี" ออกไปอีก 6 เดือน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายประชาชน




วันที่ 22 สิงหาคม 2566 การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) กระทรวงคมนาคม แจ้งว่า ชะลอปรับขึ้นค่าผ่านทางพิเศษ 2 สายทาง คือ ทางพิเศษฉลองรัช และทางพิเศษบูรพาวิถี ออกไปอีก 6 เดือน จากกำหนดเดิมที่จะปรับขึ้นในวันที่ 1 กันยายน 2566 เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน โดย นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ลงนามเห็นชอบร่างประกาศกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 9 สิงหาคม 2566 ที่กำหนดให้ทางพิเศษฉลองรัช (รามอินทรา-อาจณรงค์) และทางพิเศษบูรพาวิถี (บางนา-ชลบุรี) ชะลอการปรับค่าผ่านทางออกไปอีก 6 เดือน หรือไปมีผลวันที่ 1 มี.ค.2567 เพื่อลดภาระใช้จ่ายของประชาชน รวมถึงลดภาระค่าใช้จ่ายของผู้ประกอบการทางด้านขนส่ง

ทั้งนี้ อัตราค่าผ่านทางใหม่ ที่จะมีผลในวันที่ 1 มี.ค.2567 จะปรับเป็นอัตราดังนี้



อัตราค่าผ่านทางพิเศษฉลองรัช
– รถ 4 ล้อ 45 บาท รถ 6-10 ล้อ 65 บาท รถมากกว่า 10 ล้อ 90 บาท

ยกเว้นด่านฯ รามอินทรา 1 และด่านฯ สุขาภิบาล 5-2
– รถ 4 ล้อ 20 บาท รถ 6-10 ล้อ 35 บาท รถมากกว่า 10 ล้อ 45 บาท

อัตราค่าผ่านทางพิเศษบูรพาวิถี
– รถ 4 ล้อ กรณีเดินทางไม่เกิน 20 กิโลเมตร จะใช้อัตราค่าผ่านทางเดิม แต่กรณีเดินทางเกิน 20 กิโลเมตร จะปรับอัตราค่าผ่านทางต่ำสุด 5 บาท สูงสุดไม่เกิน 10 บาท โดยคิดตามระยะทาง
– รถ 6-10 ล้อ กรณีเดินทางไม่เกิน 20 กิโลเมตร จะปรับขึ้น 5 บาท แต่กรณีเดินทางเกิน 20 กิโลเมตร จะปรับอัตราค่าผ่านทางต่ำสุด 10 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 บาท โดยคิดตามระยะทาง
– รถมากกว่า 10 ล้อ กรณีเดินทางไม่เกิน 20 กิโลเมตร จะปรับขึ้น 5 บาท แต่กรณีเดินทางเกิน 20 กิโลเมตร จะปรับอัตราค่าผ่านทางต่ำสุด 10 บาท สูงสุดไม่เกิน 25 บาท โดยคิดตามระยะทาง

โดยการชะลอหรือการปรับขึ้นค่าผ่านทางดังกล่าว เป็นไปตามสัญญาโอนและรับโอนสิทธิในรายได้ในส่วนที่เกี่ยวกับโครงการทางพิเศษฉลองรัช และโครงการทางพิเศษบูรพาวิถี (Revenue Transfer Agreement : RTA) กับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย TFFIF ในข้อ 4.4 การปรับค่าผ่านทางที่ระบุว่า เมื่อมีการพิจารณาตามข้อ 5.4 (1) แล้วปรากฏว่าจะต้องปรับค่าผ่านทางเพิ่มขึ้นทาง กทพ. จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนและกระบวนการที่ระบุไว้ในกฎหมายที่ใช้บังคับในขณะนั้น เพื่อให้มีผลบังคับภายในวันที่ 1 ก.ย.ของปีเดียวกับที่ได้มีการพิจารณา


ทั้งนี้ หาก กทพ.ได้ดำเนินการต่างๆ ครบถ้วนแล้ว แต่ไม่มีการปรับอัตราค่าผ่านทางหรือไม่สามารถปรับอัตราค่าผ่านทางได้เต็มจำนวนที่คำนวณได้ หรือมีการปรับอัตราค่าผ่านทางล่าช้ากว่าระยะเวลาที่กำหนดไว้ให้ถือว่า กทพ. ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามข้อนี้ครบถ้วนแล้ว และไม่ถือว่าเป็นเหตุให้ กทพ. ผิดข้อสัญญาหรือทำให้กองทุนฯ มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายค่าชดเชยหรือเงินเพิ่มใดๆ จาก กทพ. โดยการชะลอการปรับค่าผ่านทางออกไปอีก 6 เดือน จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน คิดเป็นเงินกว่า 233 ล้านบาท

ทั้งนี้ การปรับค่าผ่านทางพิเศษฉลองรัช และทางพิเศษบูรพาวิถี นั้น เป็นไปตามเงื่อนไขสัญญากองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย TFFIF โดยเริ่มพิจารณาปรับอัตราค่าผ่านทางวันที่ 1 มี.ค.2566 และ กทพ.จะต้องดำเนินการตามขั้นตอนให้มีผลบังคับใช้ภายในวันที่ 1 ก.ย.2566

ก่อนหน้านี้ กทพ.ได้แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาการปรับค่าผ่านทางตามสัญญาในส่วนที่เกี่ยวกับโครงการทางพิเศษฉลองรัช และทางพิเศษบูรพาวิถี (RTA) รวมถึงพิจารณาปรับค่าผ่านทางทางพิเศษกาญจนาภิเษก (บางพลี-สุขสวัสดิ์) ซึ่งครบรอบ 5 ปี โดยคำนวณตามดัชนีผู้บริโภค (CPI) จะปรับขึ้นประมาณ 10% หรือประมาณ 5 บาท






Recommend News






MOST POPULAR


























©2018 ONBNEWS. All rights reserved.