นายวิรัตน์ ใจอารี ผู้ใหญ่บ้านฮวก กล่าวว่า ในเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ตนขอชี้แจงเป็น 2 ประเด็นว่าคลิปที่ทุกคนได้เห็นนั้นเกิดขึ้นเมื่อเดือนเศษ ๆ ซึ่งทางหมู่บ้านโดยคณะกรรมการหมู่บ้านได้มีการตักเตือนไปแล้วโดยทางหมู่บ้านและทางวัดก็ได้มีกฎระเบียบชัดเจนหากมีการกระทำผิดในเรื่องที่ไม่เหมาะสมและทางพระทองสุขก็รับปากว่าจะไม่มีเหตุการณ์แบบนั้นเกิดขึ้นอีก จนมาเหตุการณ์ล่าสุดคือทางพระรูปนี้ได้ขับรถเอาไปไถลลงข้างทางจนมีการแชร์ภาพและคลิปที่ปรากฏก่อนหน้าไปอย่างมาก ทำให้ทางเจ้าคณะจังหวัดพะเยาได้สั่งการให้นำตัวพระรูปนี้มาสึกทันที ซึ่งเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมาทั้งตนและทางนายอนุศาสตร์ สุริยา กำนัน ต.ภูซางก็ได้นำชาวบ้านมานั่งฟังในเรื่องของการที่จะจับพระรูปที่ก่อเหตุนี้สึกออกไปด้วยชาวบ้านเห็นว่าพฤติกรรมดังกล่าวไม่สมควรที่จะอยู่ในผ้าเหลืองแบบนี้ อีกทั้งทางกำนัน ต.ภูซางเองยังบอกว่าในโลกโซเชียลตอนนี้เป็นกระแสหนักมากเช่นกันจึงจำเป็นต้องมีการให้สึกทันที แต่ก่อนหน้านั้นในช่วงเช้าพระรูปนี้ได้แอบหนีออกจากวัดทันทีเมื่อทราบว่าจะมีการจับสึกด้วยความผิดที่ปรากฏ จนทางคระสงฆ์ฝ่ายปกครองได้ทำการติดต่อและสืบทราบมาว่าพระรูปนี้ได้หนีไปอยู่ในพื้นที่แห่งหนึ่งของ อ.ภูซาง ก่อนทางคณะสงฆ์ฝ่ายปกครองจะส่งรถตู้ไปรับมาที่วัดเพื่อทำการสอบสวนและสึก ทั้งนี้ทางพระครูวิทิตศาสนคุณ พระฝ่ายปกครองของคณะสงฆ์ อ.ภูซาง ซึ่งได้รับมอบหมายมาจากเจ้าคระอำเภอภูซางให้มาทำการสอบสวนและลงบันทึกก่อนที่จะมีการจับสึกในเวลาต่อมาและทางญาติจาก จ.เชียงรายก็ได้เข้ามารับเพื่อกลับบ้านเกิดทันที

นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า ในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ทุกฝ่ายก็ไม่ได้นิ่งนอนใจด้วยเป็นเรื่องที่ถูกแชร์ออกไปให้ทุคนได้รับรู้เป็นจำนวนมากอีกทั้งในโลกโซเชียลยังมีการวิพากวิจารอย่างหนักในเรื่องของการให้สึกเพราะเกรงจะทำศาสนาเสื่อมเสีย แต่ส่วนหนึ่งชาวบ้านในพื้นที่ก็เสียใจไม่น้อยที่มาเกิดเรื่องแบบนี้เพราะพระทองสุขหลังจากที่มาอยู่วัดบ้านฮวกได้ 6 ปีจากที่เคยมีพระรูปเดียวก็เป็น 2 รูป รวมทั้งได้ทำนุบำรุงสร้างวัดให้ดูสวยงามและมีงานพิธีเข้ามาอย่างมาก อีกทั้งพระทองสุขก็ไม่เคยที่จะไปหาเรื่องชาวบ้านรอบ ๆ วัดเลยแม้แต่ครั้งเดียวซึ่งทุกคนต่างให้ความศรัทธาด้วยเช่นกัน แต่สุดท้ายก็ต้องกลับมาพบในเรื่องราวที่เกิดขึ้นนี้และวัดก็เหลือพระรูปเดียวซึ่งเป็นเจ้าอาวาสอยู่ในตอนนี้ด้วย