"พี สะเดิด" ร้อง ปอท. ถูกมือดีโพสต์กล่าวหาอมเงินวัด หวั่นประชาชนเข้าใจผิด
8 ต.ค. 2562, 17:32
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 8 ต.ค.62 ผู้สื่อข่าว ONBnews รายงานว่าที่ บก.ปอท.(กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี) นายพีรพัฒน์ สวัสดิ์มูล หรือ "พี สะเดิด" ศิลปินนักร้องลูกทุ่งเจ้าของเพลงจี่หอย สาวกระโปรงเหี่ยน ฯลฯ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ ดีพอ รอง ผบก.ปอท. ในฐานะโฆษก ปอท. และ ร.ต.ท.เปตอง ด่านปรีดา รอง สว.(สอบสวน) กก.3 บก.ปอท. หลังมีผู้ไม่หวังดีโพสต์หมิ่นประมาทผ่านสื่อสังคมออนไลน์อาจทำให้ประชาชนเข้าใจผิด ซึ่งส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงและการทำงาน
นายพีรพัฒน์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องเมื่อ 7 ปีก่อน ตนได้รับการชักชวนจากพระสงฆ์ไทยในต่างประเทศให้ช่วยงานกฐิน ผ้าป่า และจัดการแสดงคอนเสิร์ตนำรายได้เข้าวัดเพื่อบูรณปฏิสังขรณ์ศาสนาสถาน ซึ่งตนได้เห็นสภาพภายในวัดค่อนข้างทรุดโทรม จึงก่อตั้ง "โครงการสืบทอดศาสนา สืบสานวัฒนธรรม" โดยมีเพื่อนดาราศิลปินร่วมเป็นจิตอาสาเดินทางแสดงคอนเสิร์ตในต่างประเทศ ครั้งละ 12 -20 คน มีค่าใช้จ่าย 2.5 แสนบาทต่อครั้ง เป็นค่าใช้จ่ายในการเดินทางต่างๆ อาทิ ค่าพัก ค่าอาหาร ซึ่งเป็นเงินของทางวัดนั้นๆ ช่วยเหลือหลังหักค่าการแสดง โดยทีมงานจะคอยบริหารกันเอง บ้างครั้งไม่พอต้องควักจ่ายกันเอง ส่วนการบริหารเงินของทางวัดจะมีคณะกรรมการคอยดูแล ตนไม่ทราบรายละเอียด
นายพีรพัฒน์ เผยอีกว่า แต่ละปีกลุ่มตนจะเดินทางไปจัดแสดงคอนเสิร์ตประมาณ 3-4 ประเทศต่อปี ทั้ง ทวีปยุโรป ประเทศออสเตรเลีย ประเทศเกาหลีใต้ แต่ก็ไม่เคยมีปัญหาเกิดขึ้นแต่อย่างใด และครบกำหนด 7 ปี
สำหรับโครงการดังกล่าวเมื่อปีที่แล้ว กระทั่งเมื่อวันที่ 4 ต.ค.62 ตนได้โปรโมทเพลงใหม่ ชื่อ "จำปา" และขอให้แฟนเพลงช่วยกันแชร์ไปยังสื่อออนไลน์ต่างๆ ซึ่งพบว่ามีเพจเฟซบุ๊ก "Association Solidarité Thaïe en France" มีผู้ติดตามกว่า 5 พันคน
โดยมีบุคคลรายหนึ่งอ้างเป็นคนในโรงทานของวัดประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความกล่าวหาว่าตนไปโกงเงินวัด ซึ่งอาจเป็นความเข้าใจหรือสื่อสารไม่ตรงกัน จึงเดินทางมาร้องทุกข์ ปอท. เพราะเกิดผลกระทบในการตั้งใจทำความดีของคนในวงและบั่นทอนกำลังใจการทำงาน ขอยืนยันว่าไม่เคยเอาเงินวัดต่างๆ เลย จะมีแต่ค่าใช้จ่ายเท่านั้น แต่ถ้าวัดใดไม่มีเงินเข้าวัดก็จะเอาเงินคืนและปฏิเสธว่ามาแจ้งความครั้งนี้ไม่คิดจะทำเพื่อโปรโมทเพลงแต่อย่างใด
เบื้องต้น พนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. ได้รับเรื่องไว้ตรวจสอบว่าเข้าข่ายความผิด ตาม พ.ร.บ.คอมฯ หรือไม่ และสืบสวนตัวบุคคลที่โพสต์ข้อความดังกล่าวเป็นใคร ก่อนดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย
ด้าน พ.ต.อ.ศิริวัฒน์ กล่าวฝากเตือนคนที่แสดงความคิดเห็นในสังคมออนไลน์ต่างๆ ว่า ถ้าเป็นผลลบอย่างหนึ่งอย่างใดอาจจะถูกดำเนินคดีได้ จะปฏิเสธไม่รู้กฎหมายไม่ได้ ดังนั้นขอให้คิดก่อนโพสต์ คิดก่อนแชร์ มิฉะนั้นอาจจะต้องมีคดีความมาขึ้นโรงขึ้นศาลได้