นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคก้าวไกลจะยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เพื่อตัดอำนาจ ส.ว.โหวตนายกรัฐมนตรีว่า การแก้ไขมาตรา 272 พรรคเพื่อไทยเคยยื่นแก้ไขแล้วถึง 2 ครั้ง แต่ไม่ผ่านการพิจารณาในรัฐสภา ฉะนั้นการที่พรรคก้าวไกลเปิดประเด็นนี้ขึ้นมา เข้าใจว่าคงจะเป็นการทลายกำแพง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่มีการโหวตนายกรัฐมนตรี เพราะทาง ส.วได้ตั้งกำแพงเรื่องกฎหมายอาญามาตรา 112 ทางพรรคก้าวไกลคงจะหยิบยกประเด็นนี้ขึ้นมาเพื่อให้การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี เป็นเรื่องเฉพาะของสภาผู้แทนราษฎร

“การแก้ไขมาตรา272 หากทำได้ถือเป็นเรื่องดี แต่ข้อเท็จจริงคือการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรานี้ต้องใช้เสียงรัฐสภาเกินกว่ากึ่งหนึ่ง และในกึ่งหนึ่งนั้นต้องมีเสียงของ ส.ว. 84 เสียง ดังนั้น เรื่องนี้ที่ผ่านมาเราเคยทำมาแล้วมันไม่ง่าย ไม่เคยได้เสียงของ ส.ว.เพียงพอ ครั้งนี้ผมเข้าใจว่า ส.ว.จะตั้งกำแพงในเรื่องนี้ไว้สูง การแก้ไขคงไม่ได้ง่ายนักตามที่คิดไว้” นายประเสริฐกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าเหนื่อยหรือไม่ หากดูจากผลโหวตเมื่อวานนี้แล้ว นายประเสริฐ กล่าวว่า เหนื่อย เพราะกำแพงที่พรรคก้าวไกลต้องก้าวข้ามให้ได้คือมาตรา 112 เพราะทาง ส.ว.หรือพรรคขั้วเก่า พูดประเด็นนี้เป็นทางเดียวกัน เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ทาง พรรคก้าวไกลต้องกลับไปทำการบ้าน

เมื่อถามว่า วันนี้ทางพรรคก้าวไกล ได้นัดพรรคเพื่อไทย หารือถึงการเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 หรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า มีการพูดคุยกันได้นัดหมายเวลา 17.00 น. คงจะมีการพูดคุยเรื่องแนวทางการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า ซึ่งขณะนี้ได้สอบถามไปยังเจ้าหน้าที่สภา ทราบว่าน่าจะเป็นวันที่ 19ก.ค. 2566