จนท.จับกุมยาบ้า 84,000 เม็ดผู้ต้องหา 3 คน สารภาพซื้อมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ส่งมาขายใน จ.ศรีสะเกษ
13 ก.ค. 2566, 16:28
เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 2566 นายสำรวย เกษกุล ผวจ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ตนได้รับรายงานว่า จะมีแก๊งจำหน่ายยาบ้าแอบลักลอบนำเอายาบ้าเข้ามาส่งให้กับเครือข่ายขายยาบ้าในเขตพื้นที่ อ.พยุห์ จ.ศรีสะเกษ จึงได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการเฉพาะกิจปราบปรามและทำลายเครือข่ายการค้ายาเสพติดจังหวัดศรีสะเกษ "ชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน" ซึ่งประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ ฝ่ายปกครอง ทหาร เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน ดำเนินการออกสืบสวนหาข่าวและลาดตระเวนในเขตพื้นที่ตามที่ได้รับแจ้งจากสายลับ โดยเมื่อวันที่ 12 ก.ค. 66 เจ้าหน้าที่ได้ทำการจับกุม นายภาณุพงษ์ อายุ 23 ปี ชาว อ.เมือง จ.มุกดาหาร พร้อมด้วย ยาบ้า จำนวน 10 มัด หรือยาบ้า 20,000 เม็ด ที่บริเวณโคนเสาป้ายจำกัดความเร็ว 50 กม./ ชม. ริมถนนหมายเลข 2111 อ.พยุห์ – อ.ไพรบึง ฝั่งขาออก อ.พยุห์ บ้านสำโรงโคเฒ่า ม.3 ต.พรมสวัสดิ์ อ.พยุห์ จ.ศรีสะเกษ ต่อมาบริเวณใกล้กันถนนขาเข้า อ.พยุห์ เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว นายสุภกรณ์ อายุ 29 ปี และน.ส.อรอุมา อายุ 35 ปี ชาว อ.เมือง จ.มุกดาหาร ซึ่งเป็นผู้ต้องหากลุ่มเดียวกัน
ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ขยายผลตรวจยึดยาบ้า จำนวน 8 มัด หรือยาบ้า 16,000 เม็ด ในพื้นที่ตำบลศรีแก้ว อ.ศรีรัตนะ จ.ศรีสะเกษ และได้สืบสวนขยายผลไปตรวจยึดยาบ้า จำนวน 24 มัด หรือยาบ้า 48,000 เม็ด ในพื้นที่ตำบลคำอาฮวน อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร ซึ่งผู้ต้องหาฝังยาบ้าไว้ข้างคอกวัว รวมของกลางยาบ้า จำนวน 42 มัด หรือยาบ้า 84,000 เม็ด ทำการตรวจยึดอายัด รถยนต์ จำนวน 1 คัน โทรศัพท์มือถือ จำนวน 2 เครื่อง รวมมูลค่าทรัพย์สินที่ตรวจยึดประมาณ 800,000 บาท จากการสอบสวนเบื้องต้น ผู้ต้องหาได้ให้การรับสารภาพว่า สั่งซื้อยาบ้าทั้งหมดมาจากประเทศเพื่อนบ้านทางด้าน จ.มุกดาหาร เพื่อนำเอามาส่งขายในเขตพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ และจังหวัดใกล้เคียง
จากนั้น เจ้าหน้าที่ได้ตั้งข้อกล่าวหาว่า ร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ยาบ้าหรือเมทแอมเฟตามีน)ชนิดร้ายแรง อันมีลักษณะกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชนและเป็นการกระทำที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อความมั่นคงของรัฐหรือความปลอดภัยของประชาชนทั่วไปโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย จากนั้น ควบคุมผู้ต้องหาพร้อมของกลาง/ทรัพย์สิน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.พยุห์ จ.ศรีสะเกษ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป