ผอ.เจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 สาขาเกาะสมุย หารือหน่วยงานเกี่ยวข้อง เร่งขนย้ายซากเรือประมง ออกจากทะเลสมุยภายใน 15 วัน
7 ต.ค. 2562, 17:35
สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาเกาะสมุย เต้นจากกรณีซากเรือประมงเวียดนาม ที่ถูกจับมาดำเนินคดี แต่กลับปล่อยซากเรือประมงถูกคลื่นซัดเกลื่อนทะเล เป็นขยะทะเล เป็นอันตรายต่อการเดินเรือ ล่าสุดทางผู้อำนวยการเจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 สาขาเกาะสมุย ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประชุมร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาวางมาตรการ พร้อมตั้งกรรมการร่วมกันขึ้นมา ดำเนินการย้ายซากเรือในทะเลจำนวน 23 ลำ ออกไปจากทะเลสมุยภายใน 15 วัน
เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2562 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ที่ห้องประชุมสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 สาขาอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี นายพิเชษฐ์ สุดเดือน ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 สาขาเกาะสมุย ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับซากเรือประมงเวียดนามในทะเลอ่าวไทยฝั่งเกาะสมุย ที่ถูกจับกุมมา และซากเรือถูกคลื่นซัดจนอุปกรณ์แตกกระจายเกลื่อนทะเลเกาะสมุย
ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบไปด้วย นายสุทธิพงษ์ ทองเรือง ปลัดป้องกันอำเภอเกาะสมุย พ.ต.ท.พิชัย สองเมือง รอง ผกก.สอบสวน สภ.เกาะสมุย พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ เกาะสมุย เจ้าหน้าที่เทศบาลนครเกาะสมุย เจ้าหน้าที่ประมงจังหวัดสุราษฎร์ธานี เจ้าหน้าที่จากฐานทัพเรือเกาะสมุย และตำรวจสันติบาล และผู้ประกอบการด้านให้บริการเดินเรือโดยสาร ระหว่าง อำเภอดอนสัก -เส้นทางอำเภอเกาะสมุย รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยกเว้นผู้ประกอบการเรือประมงชายฝั่งในพื้นที่ ที่เดือดร้อน ที่ไม่ได้รับเชิญมาร่วมประชุมในครั้งนี้
ในเบื้องต้นในที่ประชุม ซึ่งได้ตั้งคณะกรรมการ ขึ้นหลายฝ่ายเพื่อร่วมสรุป แก้ไขปัญหาซากเรือประมงที่มีทั้งประมงสัญชาติไทย และเรือประมงสัญชาติเวียดนาม ที่ถูกจับกุม มาในคดีต่างๆ โดยเรือประมงไทยถูกจับกุมในคดี กระทำประมงโดยผิดกฎหมาย ส่วนเรือประมงเวียดนามถูกทางการไทยจับกุมในข้อหากระทำการประมงล่วงละเมิดน่านน้ำไทยเข้ามาทำประมง โดยเรือประมงดังกล่าว ได้ถูกจับกุมต่างกรรมต่างวาระ
พร้อมนำซากเรือและของกลางมามอบให้กับทางพนักงานสอบสวน สภ.เกาะสมุย ในฐานะเจ้าของคดีเป็นผู้รับของกลางซากเรือเอาไว้ และเรือนำไปจอดลอยลำ ในทะเลอ่าวบ้านหน้าทอน หมู่ 3 ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย ขณะที่เรื่องและคดีอยู่ในระหว่างการดำเนินคดีต่อศาลจังหวัดเกาะสมุย และนำซากเรือของกลางจอดไว้ในทะเลบริเวณอ่าวบ้านหน้าทอน และในลำคลองลิปะใหญ่ จำนวนซากเรือ 23 ลำ และเรือได้ถูกคลื่นซัดจนเรือแตกกระจายลอยเกลื่อนในทะเล 3 จุด คืดจุดหน้าสถานีตำรวจน้ำเกาะสมุย และจุดที่สองหน้าโรงพยาบาลเกาะสมุย และจุดสุดท้ายบริเวณในคลองลิปะใหญ่ ซึ่งเรือประมงบางลำได้สิ้นสุดคดีไปแล้วก็มี ที่ผ่านมา ซากเรือดังกล่าว เป็นอุปสรรคในการเดินเรือ และเป็นอุปสรรค ที่เรือประมงพื้นบ้านเข้าออกภายในคลองลิปะใหญ่ ตำบลอ่างทอง มาเป็นเวลานาน และเป็นปัญหารื้อรังมาหลายปี จนนักท่องเที่ยว และชาวประมงออกมาร้องเรียนผ่านผู้สื่อข่าวตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ซึ่งในการประชุมในวันนี้ มีการประชุมถึงหาแนวทางการแก้ไข และวิธีนำซากเรือประมงออกจากพื้นที่ในทะเลอ่าวบ้านหน้าทอนดังกล่าวออกไป ซึ่งการที่จะย้ายซากเรือออกไปต้องใช้งบประมาณจำนวนมาก และยังไม่สามารถหาเจ้าภาพจัดงบประมาณนำซากเรือออกไปได้
โดยในที่ประชุม ได้มีมติ ให้ทางตำรวจ สภ.เกาะสมุย เจ้าของคดี ดำเนินการตั้งคณะกรรมการร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ดำเนินการสำรวจเรือที่จมทั้งหมด และตั้งคณะกรรมการประเมิน ราคา ขณะเดียวกัน ตำรวจในฐานะเจ้าของคดี ต้องตั้งคณะกรรมการ เพื่อจำหน่ายซากเรือขายทอดตลาด และดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายต่างๆ ต่อไป ในทั้งนี้ มติที่ประชุมจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 10 วัน โดยทางเจ้าท่าสาขาเกาะสมุยได้ออกประกาศมาตรการความปลอดภัยในการสัญจรทางน้ำ บริเวณที่เรือจมตามจุดต่างๆ โปรดระมัดระวังในการเดินเรือ
นายพิเชษฐ์ สุดเดือน ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 สาขาเกาะสมุย ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากที่เป็นข่าวตามสื่อต่างๆ ก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เร่งเชิญหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องมาร่วมประชุม เพื่อสรุปแนวทางการหามาตรการแก้ไข โดยในที่ประชุมมีมติเห็นชอบสรุปว่า ทางตำรวจ สภ.เกาะสมุย ในฐานะเจ้าของคดี จะร่วมกันตั้งคณะกรรมการร่วมกันขึ้นมาโดยมีหน่วยงานต่างที่เกี่ยวข้อง พร้อมสรุปซากเรือประมงจำนวน 23 ลำ ที่ลอยและจมอยู่ในทะเลอ่าวบ้านหน้าทอนของเกาะสมุย ว่าเรือทั้ง 23 ลำ ที่เป็นซากอยู่นี้กระจายอยู่ตรงจุดใดบ้าง เพื่อออกไปสำรวจในจำนวนเรือทั้ง 23 ลำนี้ เมื่อสำรวจแล้ว ก็จะเร่งสรุป วันในการดำเนินการ ประกาศเพื่อขายซากเรือทอดตลาด ตามระเบียบของทางราชการตามขั้นตอนต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเเล้วเสร็จโดยใช้เวลาประมาณ 15 วัน และในระหว่างนี้ ก็ะทำการประกาศประชาสัมพันธ์ พี่น้องชาวเรือให้หลีกเลี่ยงในบริเวณที่มีซากเรือจม นายพิเชษฐ์ สุดเดือน