"คนขับรถพ่วง" เผยนาทีชนเก๋งสาหัส 4 ราย คาดหลงช่องจราจรเหตุบังคับวิ่งสวนทางปิดถนนซ่อม
26 เม.ย. 2566, 12:56
เวลา 22.30 น.วันที่ 25 เม.ย. 66 ร.ต.อ.หญิง สุดารัตน์ บัวยง รอง สว.(สอบสวน) สภ.บ้านวิสัยเหนือ อ.เมือง จ.ชุมพร ได้รับแจ้งเหตุรถยนต์เก๋งชนกับรถบรรทุกพ่วง บนถนนสายเอเชีย 41 กม.ที่ 11 หมู่ที่ 6 ต.ทุ่งคา อ.เมือง จ.ชุมพร มีผู้บาดเจ็บติดอยู่ภายในรถ จำนวน 4 ราย จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมหน่วยกู้ชีพกู้ภัยสายชล มูลนิธิชุมพรการกุศลสงเคราะห์
ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นยาริส สีขาว หมายเลขทะเบียน กฉ4864 ชุมพร สภาพด้านหน้าพังยับเยิน จอดอยู่ในเลนจราจรช่องซ้าย ส่วนภายในพบผู้บาดเจ็บ จำนวน 4 ราย ทราบชื่อภายหลังคือนายถาวร แกล้วทนงค์ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 200 หมู่ที่ 7 ตำบลนาขา อ.หลังสวน จ.ชุมพร เป็นคนขับ และมีชายไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 50 ปี นั่งเบาะซ้ายด้านหน้า โดยทั้งสองคนถูกอัดติดอยู่กับพวงมาลัยและคอนโซลรถ แขน ขาหัก และใบหน้าถูกแรงกระแทกเป็นแผลฉีกขาด ทั้งสองมีอาการสาหัส ในขณะบริเวณเบาะด้านหลังพบผู้บาดอีก 2 ราย คือ ด.ช.ธนภัทร แก้วทนงค์ อายุ 8 ปี ซึ่งนั่งมาด้านซ้าย และมีหญิง ไม่ทราบชื่อ อายุประมาณ 40 ปี นั่งเบาะด้านขวาหลังคนขับ อยู่ในอาการสะลึมสะลือ เจ้าหน้าที่ชุดกู้ภัยจึงต้องใช้เครื่องตัดถ่างมาตัดอุปกรณ์ชิ้นส่วนรถ จนสามารถนำตัวทั้งหมดออกมาได้ ก่อนนำตัวส่ง รพ.ชุมพร อย่างเร่งด่วน
ห่างออกไปประมาณ 20 เมตร พบรถบรรทุกพ่วง 22 ล้อ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ส่วนตัวหัวลาก หมายเลขทะเบียน 82-4673 สมุทรสาคร และส่วนหาง หมายเลขทะเบียน 82-4679 สมุทรสาคร จอดอยู่เลนจราจรช่องขวา สภาพด้านหน้าข้างขวาถูกชนอย่างแรง จนกันชนพัง ลูกหมากคันชักล้อหน้าขาด ส่วนคนขับไม่ได้หลบหนีไปไหน ยังอยู่ในที่เกิดเหตุ ทราบชื่อนายเกียรติประดิษฐ์ อมะมูล อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 หมู่ที่ 10 ตำบลถ้ำวัวแดง อ.หนองวัวแดง จ.ชัยภูมิ
สอบถามนายเกียรติประดิษฐ์ เล่านาทีเกิดเหตุทราบว่า ตนเองได้ขับรถไปบรรทุกสินค้ามาจาก จ.สงขลา เพื่อไปส่งปลายทางที่ จ.สมุทรสาคร จนกระทั่งมาถึงที่เกิดเหตุ ซึ่งทางกรมทางหลวงได้มีการทำถนน และได้ปิดช่องจราจรขาขึ้น และเปิดช่องทางให้รถทุกชนิดวิ่งสวนกันในช่องจราจรขาล่อง โดยมีกระบอกกรวยสะท้อนแสงเป็นสัญญาณบังคับการเดินรถสองช่องทางแบบสวนทางกัน ตนเองได้ขับมาด้วยความเร็วไม่เกิน 60 กม./ชม.และได้สังเกตว่ามีรถยนต์วิ่งมาในโค้งเปิดไฟสูง สวนทางมา จนกระทั่งขับผ่านโค้งมาด้วยความเร็ว ตนเองยอมรับตกใจมาก เพราะรถยนต์เก๋งคันดังกล่าววิ่งมาในเลนจราจรช่องด้านขวา ซึ่งเสมือนขับย้อนศร ตนเองพยายามเบรกบังคับรถให้จอด แต่ไม่ทันแล้วรถยนต์เก๋งได้พุ่งชนอย่างจัง เข้าบริเวณกันชนด้านขวาและชนกระแทกเข้ากับล้อหน้าอย่างแรงจนรถกระเด้งกลับไป จึงลงมาเพื่อช่วยเหลือและได้แจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบดังกล่าว
เจ้าหน้าที่จึงได้บันทึกเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุไว้ เพื่อรอสอบปากคำ นายถาวร แกล้วทนงค์ ซึ่งเป็นคนขับรถยนต์เก๋งอีกครั้ง เพื่อสรุปสำนวนในคดีนี้ต่อไป