เด็กไทยเก่งไม่แพ้ใคร "น้องฮับ" วัย 13 สร้างโปรแกรมช่วยคนหูหนวก ติด 1 ใน 20 เข้ารอบ Google Science Fair
11 มิ.ย. 2562, 14:32
เรียกได้ว่าเป็นข่าวที่คนไทยภาคภูมิใจ สำหรับข่าว "น้องฮับ" เด็กไทยชั้น ม.1 วัย 13 ปี ผ่านเข้ารอบตัดสิน Google Science Fair เป็นตัวแทนเด็กไทย ติด 1 ใน 20 คนจากทั่วโลก ด้วยการสร้างโปรแกรมและประดิษฐ์อุปกรณ์ช่วยทางการได้ยิน และฝึกพูด ให้กับผู้พิการทางการได้ยิน
วันที่ 10 มิ.ย. ที่ผ่านมา สำนักข่าว workpointnews รายงานว่า เด็กชายเหมวิช วาฤทธิ์ หรือ น้องฮับ วัย 13 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จากโรงเรียนวารีเชียงใหม่อินเตอร์เนชั่นแนล สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียนและประเทศไทย หลังจากผ่านเข้ารอบ Google Science Fair ติด 1 ใน 20 จากคนด้วยโลก ด้วยการสร้างโปรแกรมและประดิษฐ์อุปกรณ์ช่วยทางการได้ยิน และฝึกพูด ให้กับผู้พิการทางการได้ยิน
ด้าน น้องฮับ ได้เผยว่า ความบกพร่องทางการได้ยินเป็นปัญหาด้านสุขภาพที่สำคัญ มีคนกว่า 422 ล้านคนทั่วโลกที่ได้รับผลกระทบ หลังจากทราบข่าวจากโรงเรียนมีโครงการนี้จึงมีแนวคิดอยากช่วยเหลือคนพิการทางการได้ยิน จึงจัดทำโครงงานนี้ส่งเข้าประกวด
ภาพจาก workpointnews
จุดเริ่มต้นจาก ก่อนหน้านี้เคยเล่นกีตาร์ แต่ไม่ได้ต่อกับเครื่องขยายเสียงจึงทำให้ได้ยินเสียงกีตาร์เบามาก แต่เมื่อนำคางไปแตะที่ตัวกีตาร์เพื่อฟังเสียง กลับได้ยินเสียงดังขึ้น ชัดขึ้น จึงทำให้เกิดแนวคิดประดิษฐ์เครื่องช่วยฟัง ก่อนจะพัฒนาเป็นโปรเจคการทำเครื่องช่วยฟัง และพัฒนาเป็นโปรแกรมฝึกการออกเสียง
หลังจากนั้นจึงเริ่มทดสอบและพัฒนาอุปกรณ์ ภายใต้ความร่วมมือของโรงเรียนโสตศึกษาอนุสารสุนทร นำแนวทางการใช้กระบังลมจากการ้องเพลงมาฝึกกับคนพิการทางหู ให้ลองเปล่งเสียงหลังใส่อุปกรณ์เครื่องช่วยฟัง หลังจากผู้พิการได้ยินเสียง จึงเกิดความกล้าที่จะทดลองพูดเปล่งเสียงมากขึ้น
ภาพจาก workpointnews
ขณะนี้เทคโนโลยีและโลกออนไลน์เปิดกว้างให้เรียนรู้มากขึ้น เชื่อว่าหลายคนมีแนวคิดและโครงการดี ๆ มากมาย จึงอยากให้เด็กไทยได้พัฒนา และอยากให้รัฐบาลช่วยสนับสนุนเด็กไทยในด้านการส่งเสริมการเรียนรู้ทางเทคโนโลยี เพราะปัจจุบันโลกเปลี่ยนแปลงไปเร็วมาก อยากให้ประเทศไทยเป็นประเทศผู้นำด้านเทคโนโลยีในอนาคต เชื่อว่าคนไทยและเด็กไทยทำได้
อย่างไรก็ตาม สำหรับการประกวดครั้งนี้ จากการแข่งขันจนถึงรอบ 100 คนสุดท้าย น้องฮับ เป็นเพียง 2 เด็กไทยที่เข้ารอบและอายุน้อยสุดเท่าที่เคยเข้าแข่งขัน และเป็นเด็กไทยคนแรกที่เข้าถึงรอบ 20 คนสุดท้าย ซึ่งจะแข่งขันอีกทีในเดือน ก.ค. ที่จะถึงนี้
ขอบคุณ workpointnews