นายกฯ ลงพื้นที่ จ.ระนอง แก้ไขปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลนชุมชนเมือง
17 มี.ค. 2566, 08:07
วันนี้ (16 มี.ค. 66) เวลา 16.30 น. ณ ลานอเนกประสงค์ หน้าเทศบาลเมืองระนอง อ.เมืองระนอง จ.ระนอง พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางมาติดตามผลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลนชุมชนเมือง จังหวัดระนอง จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมพบปะประชาชนซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น โดยมีประชาชนจำนวนมากมาให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีและคณะในการทำงานในโอกาสเดินทางมาตรวจติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีได้ติดตามผลการดำเนินงานการแก้ไขปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลนชุมชนเมืองจังหวัดระนอง ซึ่งป่าชายเลนในอดีตได้มีการอนุญาตให้ทำเหมืองแร่ และมีสภาพเสื่อมโทรม หมดสภาพ ราษฎรจึงเข้าจับจอง ครอบครองทำประโยชน์เป็นที่อยู่อาศัย ร้านค้า แพปลา สถานประกอบการ สถานที่ราชการ เป็นต้น ซึ่งถือเป็นแหล่งเศรษฐกิจสำคัญของจังหวัด ในปัจจุบันจังหวัดระนองได้มอบให้ อบจ.ดำเนินการขออนุญาตใช้ประโยชน์พื้นที่จากกรมป่าไม้เพื่อจัดให้ราษฎรเช่าและอยู่อาศัย และจัดให้เป็นย่านการค้าและอุตสาหกรรม จำนวน 2 แปลง และเทศบาลเมืองระนอง 1 แปลง รวมเนื้อที่ 484 ไร่ และจากมติ ครม.เมื่อ 23 ก.ค. 34 และ วันที่ 22 ส.ค. 43 รวมทั้งเมื่อวันที่ 17 ต.ค. 43 ได้ห้ามการอนุญาตใช้ประโยชน์ในพื้นที่ป่าชายเลนดังกล่าว ทำให้ราษฎร จำนวน 900 ครอบครัว กลายเป็นผู้ที่อยู่อาศัยโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้เช่าเดิมไม่สามารถนำที่ดิน สิ่งก่อสร้างไปเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้จากสถาบันการเงินได้ นักลงทุนไม่มั่นใจในการเข้ามาลงทุน ส่งผลกระทบต่อการประกอบกิจการต่าง ๆ
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 20 ส.ค. 61 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในคราวเดินทางมาตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดระนอง ได้รับฟังสภาพปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าว และมอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แก้ไขปัญหาให้แก่ราษฎร ซึ่งคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) โดยมี พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลนชุมชนเมืองระนอง จังหวัดระนอง ตามที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรองกฎหมายบริหารจัดการและทรัพยากรดินเสนอ และมอบหมายกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และกรมพัฒนาที่ดิน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับไปดำเนินการตามระเบียบที่เกี่ยวข้อง และเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาต่อไป ล่าสุดเมื่อวันที่ 14 มี.ค.66 รัฐบาลโดยคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบในหลักการร่างกฎกระทรวงเพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติ ป่าคลองหัวเขียวและป่าคลองเกาะสุย บางส่วน ในท้องที่ตำบลเขานิเวศน์ และตำบลบางริ้น อำเภอเมืองระนอง จังหวัดระนอง พ.ศ. .... และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาร่างกฎกระทรวงดังกล่าวให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 ต่อไป และมอบหมายกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง นำไปดำเนินการขึ้นทะเบียนที่ราชพัสดุในวันเดียวกันตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการใช้ประโยชน์ที่ดินป่าชายเลนชุมชนเมืองระนอง จังหวัดระนอง เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่
นายกรัฐมนตรีทักทายประชาชนชาว อ.เมืองระนอง จ.ระนอง ด้วยสำเนียงภาษาใต้ “สบายดีไหม”พร้อมขอบคุณชาวระนองที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นทุกครั้งที่ได้เดินทางมาเยี่ยมเยียนประชาชน ซึ่งการได้มารับฟังปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน อ.สุขสำราญ และ อ.เมืองระนอง ด้วยตนเองครั้งนี้ เพื่อให้แน่ใจว่าประชาชนในพื้นที่ได้รับการบำบัดทุกข์ บำรุงสุข ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีเข้าใจถึงความเดือดร้อน และปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเต็มกำลัง และวางแผนดำเนินการ ทั้งในระยะสั้น และระยะยาว ซึ่งทุกหน่วยงานกำลังเร่งดำเนินการภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง สำหรับปัญหาที่ประชาชนเดือดร้อนในเรื่องที่ดินทำกิน รัฐบาลได้ใช้กกฎหมายของ คทช. และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้ประชาชนมีที่อยู่ที่อาศัยที่ทำกิน และให้ความสำคัญในการรักษาทรัพยากรธรรมชาติของประเทศไว้ให้ได้ตลอดไป รวมทั้ง รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องลดโลกร้อนซึ่งเป็นทิศทางของทั่วโลกในขณะนี้ที่ทุกคนและทุกประเทศต้องร่วมกัน เพื่อป้องกันและลดผลกระทบที่จะเกิดจากปัญหาโลกร้อนทั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภัยพิบัติน้ำท่วมที่เกิดจากน้ำแข็งขั้วโลกละลาย เป็นต้น ทั้งนี้ ป่าทุกป่าต่อจากนี้จะถูกตีเป็นราคาของการซื้อขายคาร์บอนเครดิตเพื่อช่วยลดโลกร้อนอย่างเป็นรูปธรรมตามที่ตกลงกันไว้ในเวทีโลก
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีได้ย้ำถึงสิ่งต่าง ๆ ที่รัฐบาลดำเนินการและขับเคลื่อนให้เกิดผลเป็นรูปธรรมเพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีที่รัฐบาลวางไว้เพื่ออนาคต เช่น ดูแลบริหารจัดการให้มีน้ำอุปโภคบริโภคในประเทศให้เพียงพอ การขับเคลื่อนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการขนส่งคมนาคมของประเทศทั้งระบบ การพัฒนาระบบเทคโนโลยีดิจิทัล การแก้ปัญหาความยากจนแบบพุ่งเป้าใน 5 มิติ ทั้งความมั่นคงทางเศรษฐกิจ การศึกษา และทักษะที่จำเป็น สถานะทางสุขภาพ คุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ และการเข้าถึงบริการ ความช่วยเหลือ และการมีส่วนร่วมในสังคม เป็นต้น นอกจากนี้ ประเทศไทยยังสามารถแก้ปัญหาโควิด-19 ได้เป็นอันดับต้น ๆ ของโลกทำให้เศรฐกิจขับเคลื่อนไปได้ ประชาชนดำเนินชีวิตได้ปกติ รวมไปถึงเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของประเทศเดินหน้าได้ อย่างไรก็ตาม ขอให้มีการเชื่อมการทองเที่ยวเมืองหลัก เมืองรอง เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ และพื้นที่สร้างอาชีพและรายได้ให้กับประชาชน ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมด้วย รวมไปถึงการแก้ปัญหาให้กลุ่มระดับฐานรากให้มีอาชีพและรายได้อย่างยั่งยืน พร้อมย้ำให้ประชาชนมีการปลูกพืชและเกษตรในพื้นที่ที่ถูกต้องและขึ้นทะเบียน GI เพื่อป้องกันการกีดกันทางการค้า นอกจากนี้ ต้องมีการปลูกพืชที่ปลอดภัยและพัฒนาสินค้าผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพและปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคและตนเอง
นายกรัฐมนตรียังกล่าวขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในหัวใจของผู้ชายคนนี้ ขอบคุณสำหรับความรักที่ประชาชนมอบให้ในวันนี้ พร้อมย้ำถึงความรักในชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน “รักจังฮู้ รักทุกคน”
อนึ่ง เมื่อนายกรัฐมนตรีเดินทางถึงลานอเนกประสงค์หน้าเทศบาลเมืองระนอง ได้สักการะศาลหลักเมืองระนอง พร้อมผูกผ้ามาลัย 7 สี และตีฆ้องเพื่อความเป็นสิริมงคล และก่อนเดินทางกลับกรุงเทพมหานคร นายกรัฐมนตรียังได้สักการะอนุสาวรีย์เจ้าเมืองระนอง (คอซู้เจียง) ด้วย