เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 นายคมกฤช ตันตระวาณิชย์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) เปิดเผยว่า กกพ.ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นการคำนวณค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (เอฟที) เพื่อประกอบการพิจารณาปรับค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บกับประชาชนงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม2566 ใน 3 แนวทาง คือ

กรณีที่ 1 ค่าไฟฟ้าเรียกเก็บกับประชาชน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มเป็น 6.72 บาทต่อหน่วย จากปัจจุบัน 4.72 บาทต่อหน่วย บนเงื่อนไขการจ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เต็มจำนวนใน 1 งวด ทั้งหมด 150,268 ล้านบาท เป็นต้นทุนค้างสะสมเดือนกันยายน 2564-ธันวาคม 2565 คิดเป็นค่าเอฟเรียกเก็บ 293.60 สตางค์ต่อหน่วย

กรณีที่ 2 ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บกับประชาชน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเป็น 4.84 บาทต่อหน่วย จาก 4.72 บาทต่อหน่วย บนเงื่อนไขจ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างและที่เกิดขึ้นจริงให้กฟผ. 5 งวด คาดว่าจะคงเหลือจากเดือนมกราคม-เมษายน 2566 จำนวน 136,686 ล้านบาท บางส่วนคิดเป็นงวดละ 27,337 ล้านบาท โดยให้กฟผ.ต้องบริหารภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงแทนประชาชน 109,349 ล้านบาท จะได้รับเงินคืนครบภายในธันวาคม 2567

กรณีที่ 3 ค่าไฟฟ้าที่เรียกเก็บกับประชาชน (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) ปรับเพิ่มเป็น 4.77 บาทต่อหน่วย บนเงื่อนไขจ่ายคืนภาระต้นทุนคงค้างใน 6 งวด เพื่อชดเชยต้นทุนที่เกิดขึ้นจริง คาดว่าจะคงเหลือจากเดือนมกราคม-เมษายน 2566 จำนวน 136,686 ล้านบาท บางส่วนคิดเป็นงวดละ 22,781 ล้านบาท โดยกฟผ.ต้องบริหารภาระต้นทุนที่เกิดขึ้นจริงแทนประชาชน 113,905 ล้านบาท ได้รับเงินคืนกำหนดครบเดือนเมษายน 2568