พระอาจารย์ราวี นำคณะสงฆ์-แม่ชี 100 รูปเดินธุดงค์ฝ่าเปลวแดด ปฏิบัติธรรมวันมาฆบูชา
6 มี.ค. 2566, 10:25
เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 5 มี.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บริเวณถนนเลี่ยงเมือง ต.หนองครก อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ พระครูจารุธรรมพิมล หรือพระอาจารย์ราวี จารุธัมโม เจ้าอาวาสวัดป่าโนนกุดหล่ม อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ได้นำคณะสงฆ์ แม่ชี อุบาสก อุบาสิกา จำนวนประมาณ 100 รูป โดยพระสงฆ์และแม่ชีจะสะพายย่าม กลด เครื่องอัฐบริขารที่จำเป็นเดินธุดงค์ด้วยเท้าเปล่า เดินฝ่าเปลวแดดที่ร้อนระอุไปตามข้างถนน เพื่อมุ่งหน้าไปยังเกาะกลางน้ำ ห้วยน้ำคำ ต.หนองครก อ.เมืองศรีสะเกษ โดยระหว่างเดินธุดงค์ผ่านตามเส้นทางต่าง ๆ จะมีพุทธศาสนิกชนนำเอาน้ำปานะ น้ำดื่ม และผ้าเย็นมาถวายให้กับคณะสงฆ์และแม่ชี เพื่อคลายร้อน ซึ่งพระอาจารย์ราวี ยังคงเดินนำหน้าคณะธุดงค์ไปตามถนน แม้ว่าสภาพอากาศจะร้อนจัดมาก จนกระทั่งคณะได้เดินเท้ามาถึงบริเวณเกาะกลางน้ำ โดยมี ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ นายกสมาคมส่งเสริมเครือข่ายการท่องเที่ยวศรีสะเกษ พร้อมด้วย นางมังคุด หมายสุข เจ้าของร้าน ป.ปักษ์ใต้ 3 ร้านขายอาหารปักษ์ใต้ชื่อดังขนาดใหญ่ของ จ.ศรีสะเกษ นำคณะพุทธศาสนิกชนมาถวายน้ำปานะ กาแฟ และน้ำดื่มแด่พระอาจารย์ราวีและพระธุดงค์ แม่ชี ที่กำลังเหน็ดเหนื่อยจากการเดินธุดงค์ และมีชาวพุทธจำนวนหนึ่งพากันมาถวายเงินเพื่อสมทบทุนในการก่อสร้างพระมหาสถูปเจดีย์สาญจี ที่กำลังก่อสร้างอยู่ที่วัดป่าโนนกุดหล่ม อยู่ในขณะนี้
ดร.กัลยาณี ธรรมจารีย์ นายกสมาคมส่งเสริมเครือข่ายการท่องเที่ยวศรีสะเกษ กล่าวว่า ได้ทราบว่าพระอาจารย์ราวี จารุธัมโม จัดโครงการ "วัดเคลื่อนที่ธรรมะสัญจรย้อนตามรอยบาทพระศาสดา " มี ธรรมยาตรา เดินธุดงค์เท้าเปล่ามาหลายวัน ท่ามกลางแสงแดดแผดเผาและมีพระภิกษุมีแผลที่เท้าซึ่งเกิดจากการเดินเหยียบหนามบนพื้นตามเส้นทางที่เดินธุดงค์ผ่านป่าดงหลายรูป โยมเห็นพระผ่านมาเป็น 100 รูปต่างรู้สึกเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนา จึงได้บอกบุญเครือข่ายให้มาร่วมทำบุญ ถือเป็นโอกาสได้ทำบุญวันนักข่าว วันที่ 5 มี.ค. และวันมาฆบูชาวันที่ 6 มี.ค. ด้วย เป็นบุญกุศลที่ยิ่งใหญ่มาก ตนขอเชิญชวนพุทธศาสนิกชนให้มาร่วมทำบุญสร้างพระมหาสถูปเจดีย์สาญจี สร้างเสารั้วระเบียงสาญจีต้นละ500บาท ตอนนี้ต้องใช้เสาประมาณ 500 ต้น ซึ่งเพื่อนๆร่วมใจกันทำบุญเพื่อสมทบทุนให้ทางวัดสร้างสาญจี หากสร้างเสร็จญาติธรรม ไม่ต้องเดินทางไปไหว้พระที่ประเทศอินเดีย สามารถใช้เป็นที่ปฏิบัติธรรม ฟังธรรม นั่งสมาธิ เดินจงกรม ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา ด้วย
พระครูจารุธรรมพิมล หรือพระอาจารย์ราวี จารุธัมโม เจ้าอาวาสวัดป่าโนนกุดหล่ม กล่าวว่า ในความตั้งใจเบื้องต้นก็อยากนำธรรมะเข้าไปไปเยี่ยมเยียนพี่น้องชาวพุทธเรา แม้ว่าจะต่างศาสนาต่างความเชื่อเราให้ชื่อโครงการว่า วัดเคลื่อนที่ธรรมะสัญจรย้อนตามรอยบาทพระศาสดา เจตนาไปเยี่ยมให้กำลังใจกับวัดวาต่างๆกับครูบาอาจารย์พระสงฆ์องค์เณร ซึ่งฤดูนี้ก็จะลาสิกขาบทกันไปจำนวนมาก บางวัดก็เหลือหลวงปู่หลวงตาเพียงหนึ่งถึงสองรูปเท่านั้น เราก็ไปเยี่ยมให้กำลังใจเหมือนกับมีหมู่มีคณะไม่ทอดทิ้งกันและบางที่บางแห่งก็ไปเจอคนเจ็บคนไข้คนป่วยตามหมู่บ้านตามชุมชนก็ได้นำเอาข้าวของที่ได้รับบิณฑบาตมาไปมอบให้เป็นกำลังใจ ส่วนหนึ่งก็คือเป็นการเผยแพร่ธรรมะ ซึ่งลึก ๆ อาตมาภาพมีความเข้าใจว่าการทำแบบนี้มีมาตั้งแต่สมัยพระพุทธกาลเรียกว่าวัดเคลื่อนที่ของพระพุทธเจ้า เศรษฐีคหบดีต่างๆมีความศรัทธาก็จะตาม พระพุทธเจ้าไปเยี่ยมเยียนประชาชนที่ขาดแคลน เกวียนก็จะบรรทุกฟืนข้าวน้ำมันบรรทุกอาหารเพื่อไปเลี้ยงประชาชนที่ขาดแคน ซึ่งคหบดีเศรษฐีผู้มีเงินก็จะจองคิวกันร่วมทำบุญเป็นวัน ๆ ไปบางที เป็นสัปดาห์เป็นเดือนถึงจะได้คิวของตนเองที่จะได้ติดตามพระพุทธเจ้าไปเลี้ยงอาหารประชาชนที่ยากไร้ ซึ่งการได้ได้เดินธุดงค์ไปตามอำเภอต่างๆก็ได้พบผู้นำชุมชนกำนันผู้ใหญ่บ้านและประชาชนต่างมีความปลื้มปิติยินดีที่ได้ร่วมทำบุญกับคณะธุดงค์อย่างที่เห็นเมื่อสักครู่ ช่วงที่เดินมาก็ได้มีญาติโยมจาก อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์ไม่เคยมาวัด แต่ว่าได้ฟังได้เห็นแต่ใน YouTube เมื่อมาเห็นคณะพระธุดงค์ก็ปลื้มปิติยินดีน้ำตาร่วงน้ำตาไหล ซึ่งทุกที่ที่เราไปก็จะมีอาการเช่นนี้บางหมู่บ้านผู้เฒ่าผู้แก่เด็กเล็กเด็กน้อยนั่งอยู่กับพื้นเอาน้ำมาล้างเท้ามากราบไหว้พระดูแล้วก็มีความสุข อาตมาจึงคิดว่าโครงการนี้ทำให้คนมีความสุขแม้ว่าเราผู้เดินจะเท้าแตก หน้าไหม้หน้าลอกจะนอนกลางดินนอนกลางทรายไม่มีหมอนไม่มีมุ้ง มันก็หลับสบาย สบายใจที่สุด ในรอบหนึ่งปีก็จะมีความสุขก็ตรงนี้ ไม่มีอะไรเลยในแต่ละวันก็ฝากชีวิตฝากท้องไว้กับพุทธบริษัทตามชุมชนต่างๆที่ธุดงค์ไป แต่เราก็เห็นความรักความสามัคคีในหมู่พี่น้องคนไทยเราทุกคนทุกหมู่เหล่า ไม่ว่าจะเป็นบ้านนอกคอกนาญาติโยมบางคนอยากทำบุญ 5 บาท 10 บาทก็มีความสุข เชื่อว่าเราทำหน้าที่ของพุทธบริษัทถึงแม้ว่าจะเป็น ภิกษุสมมุติสงฆ์แต่เราก็ทำให้คนมีความสุข ปลาบปลื้มยินดีได้ อาตมาก็ถือว่าเป็นความภาคภูมิใจในชีวิตหนึ่งที่ได้นำคณะสงฆ์ปฏิบัติธรรมถวายแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า คณะธุดงค์มี คุณยายที่มาจาก สปป.ลาวจำนวน 3 ท่านเป็นอุบาสก 2 เป็นอุบาสิกา 1 และคนไทยจากทุกภาคที่มาร่วมโครงการนี้ทุกคนก็มาด้วยความศรัทธาทุกคนอยากเดินจะทำภารกิจนี้ถวายเป็นพุทธบูชาเนื่องในวันมาฆบูชาปีนี้
พระครูจารุธรรมพิมล หรือพระอาจารย์ราวี จารุธัมโม เจ้าอาวาสวัดป่าโนนกุดหล่ม ยังกล่าวด้วยว่า อาตมาภาพและคณะเริ่มออกเดินธุดงค์ตั้งแต่วันที่ 26 ก.พ.66 ไปเริ่มที่วัดลุมพู ต.น้ำเกลี้ยง อ.น้ำเกลี้ยง จ.ศรีสะเกษพอรุ่งเช้าก็เดินธุดงค์ไปฉันเช้าที่วัดผักขะย่าใหญ่ ต.โพธิ์ อ.โนนคูณ จากนั้นเดินธุดงค์ย้อนมาทาง อ.น้ำเกลี้ยงจาก อ.น้ำเกลี้ยงไปที่ อ.ศรีรัตนะผ่าน อ.พยุห์ มาที่ อ.วังหินและวันนี้มาถึงเขต อ.เมืองศรีสะเกษ เช้าวันที่ 6 มี.ค. 66 เดินทางจากเกาะกลางน้ำไปวัดเจียงอีฯเพื่อกราบสรีระสังขารของพระราชกิตติรังษี (บุญทัน สันตจิตโต) อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 10 อดีตเจ้าคณะจังหวัดศรีสะเกษ และอดีตเจ้าอาวาสวัดเจียงอีศรีมงคลวราราม สิริอายุ 81 ปี 60 พรรษา ที่ตั้งศพบำเพ็ญกุศลที่พระวิหารวัดเจียงอีศรีมงคลวราราม พระอารามหลวง จากนั้นไปฉันภัตตาหารเช้าที่โรงเรียนบ้านหนองตะมะและเดินเท้ากลับไปปฏิบัติธรรมในวันมาฆบูชาตลอดคืนที่วัดป่าโนนกุดหล่ม อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ ใช้เวลาประมาณ 8 วันในการเดินธุดงค์ตามโครงการนี้ ซึ่งการเดินธุดงค์นี้ได้กระทำมาหลายปีแล้วเราหยุดเมื่อปีที่แล้วเนื่องจากสถานการณ์โควิด - 19 รุนแรงมากกลัวว่าพี่น้องจะลำบากใจจึงได้ระงับโครงการเอาไว้ ปีนี้พอเป็นไปได้จึงได้เริ่มโครงการอีกครั้งหนึ่ง มีคณะสงฆ์แม่ชีเข้าร่วมโครงการเดินธุดงค์นี้ ที่ได้ทำการตรวจเช็คเมื่อเช้านี้ (5 มี.ค.66) พระสงฆ์จำนวน 30 รูปยอดรวมประมาณ 50 กว่าชีวิตที่ร่วมกันเดินธุดงค์ในครั้งนี้