เอเอฟพีรายงาน เมื่อวันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ 2566 กล่าวว่า รัฐแคลิฟอร์เนียของสหรัฐอเมริกาเผชิญสภาพอากาศแปรปรวนจากหิมะที่ตกหนักในพื้นที่ทางตอนใต้
ถนนสายหลักไม่สามารถสัญจรได้เนื่องจากหิมะทึบหนาเป็นน้ำแข็ง ลามไปถึงบางส่วนของทางหลวงระหว่างรัฐหมายเลข 5 ซึ่งเป็นทางหลวงหลักสายเหนือ-ใต้ที่เชื่อมระหว่างประเทศเม็กซิโก, รัฐแคลิฟอร์เนีย, ภูมิภาคแปซิฟิกตะวันตกเฉียงเหนือ และประเทศแคนาดา โดยทางการประเมินแล้วว่าอาจจะต้องใช้เวลาหลายวันกว่าทางหลวงจะกลับมาใช้ได้อีกครั้ง

นอกจากนี้อิทธิพลของหิมะและลมแรงทำให้สายไฟขาดในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ไฟฟ้าดับกระทบประชาชนกว่า 100,000 หลังคาเรือน
สำนักงานบริการสภาพอากาศแห่งชาติสหรัฐ (NWS) กล่าวว่า "หิมะที่ตกหนักหลายรอบประกอบกับลมแรงอาจส่งผลกระทบอันตรายถึงแก่ชีวิตได้ โดยเฉพาะพื้นที่ภูเขา, ทะเลทราย และถนนหนทางตามเชิงเขาทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย"

มีรายงานว่าในบางพื้นที่มีทั้งหิมะและฝนตก ทำให้ฝนเหล่านั้นกลายเป็นฝนเยือกแข็งที่สร้างความเสียหายมากกว่าปกติ ทั้งต่อบ้านเรือน, ผู้คน, รถยนต์ และทรัพย์สิน
นักอุตุนิยมวิทยากล่าวว่า สภาพอากาศที่ร้อนขึ้น อันเกิดจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างไร้การควบคุมของมนุษยชาติในยุคอุตสาหกรรม เป็นสาเหตุให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวนถึงขั้นมีฝนตกในฤดูหนาวได้

ขณะที่เมืองเวนทูรา, ลอสแองเจลิส และซานตาบาร์บาราซึ่งอยู่ในพื้นที่ต่ำกว่านั้น เกิดฝนตกหนักในวันศุกร์ ทำให้ต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม โดยคาดการณ์ว่าจะมีปริมาณน้ำฝนสูงถึง 2.5 เซนติเมตร ใน 1 ชั่วโมง

สำนักงานบริการสภาพอากาศฯประกาศเตือนว่าพื้นที่ดังกล่าวอาจเกิดฝนตกหนักมากจนน้ำท่วมถนน รวมทั้งอาจมีลูกเห็บขนาดเล็กและลมกระโชกแรงจนเกิดเป็นพายุทอร์นาโดบนบกได้

สภาพอากาศที่แปรปรวนหนักยังคงส่งผลกระทบต่อการเดินทางด้วยเที่ยวบิน หลังจากสร้างความปั่นป่วนให้กับนักเดินทางทางอากาศมาหลายวันแล้ว ทำให้เที่ยวบินมากกว่า 370 เที่ยวบินทั้งขาเข้าและขาออกทั่วสหรัฐอเมริกาถูกยกเลิกตั้งแต่เวลา 23.00 น. ของคืนวันศุกร์ ส่วนอีกเกือบ 6,000 เที่ยวบินดีเลย์แบบกระทันหัน.

ที่มา https://www.thaipost.net/abroad-news/331099/