เปิด ปิด การใช้งานคุกกี้ของ ทรูฮิต (Truehits Cookies)



อย.เตือนใช้ยาคุมฯฉุกเฉินอย่างเข้าใจ ย้ำไม่ใช่ยาทำแท้ง-ป้องกันโรคติดต่อไม่ได้


13 ก.พ. 2566, 15:02



อย.เตือนใช้ยาคุมฯฉุกเฉินอย่างเข้าใจ ย้ำไม่ใช่ยาทำแท้ง-ป้องกันโรคติดต่อไม่ได้




วันนี้ ( 13 ก.พ.66 ) นายแพทย์วิทิต สฤษฎีชัยกุล รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา กล่าวว่า เทศกาลวันแห่งความรัก คนส่วนใหญ่มักแสดงความรักแก่กัน ซึ่งมีคู่รักหลายคู่ที่อาจมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกันและจำเป็นต้องใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดหลังมีเพศสัมพันธ์ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) จึงแนะผู้ใช้ยาทำความเข้าใจ ปัจจุบันมีทางเลือกของการคุมกำเนิดที่หลากลาย ซึ่งมีข้อจำกัดต่างกันไป เช่น การใช้ถุงยางอนามัย การทำหมัน การใส่ห่วงอนามัย และการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด โดยมียาเม็ดคุมกำเนิดที่ต้องรับประทานต่อเนื่องเป็นประจำแบบรายเดือนและยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน ซึ่งยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉินเป็นยาที่มีข้อบ่งใช้ในกรณีฉุกเฉิน เช่น การมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน หรือเกิดความผิดพลาดจากการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่นเท่านั้น

ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน เป็นชนิดฮอร์โมนเดี่ยวมีส่วนประกอบของโปรเจสโตเจนปริมาณสูง มี 2 ขนาด คือ 0.75 มิลลิกรัมต่อเม็ด และ 1.5 มิลลิกรัมต่อเม็ด การใช้แบบที่หนึ่ง ยาขนาด 0.75 มิลลิกรัม กินให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน อย่างช้าไม่เกิน 72 ชั่วโมง และกินเม็ดที่ 2 ภายใน 12 ชั่วโมงต่อมา ส่วนยาขนาด 1.5 มิลลิกรัม กินให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ได้ป้องกัน หรืออย่างช้าไม่เกิน 72 ชั่วโมง โดยการใช้ทั้งสองแบบให้ผลไม่ต่างกัน ทั้งนี้ การใช้ยาคุมฉุกเฉินอาจพบอาการข้างเคียงได้ ส่วนใหญ่จะมีความรุนแรงน้อย เช่น ปวดศีรษะ วิงเวียน คลื่นไส้ อ่อนเพลีย ปวดท้องน้อย และความผิดปกติของประจำเดือน เช่น ประจำเดือนมายาวนานขึ้น แต่หากพบอาการผิดปกติ หรือสงสัยภาวะตั้งครรภ์ ควรรีบไปพบแพทย์

ทั้งนี้ ย้ำยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่ยาทำแท้ง และไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ การใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นทางเลือกหนึ่งในการคุมกำเนิดที่ใช้สำหรับกรณีจำเป็น มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์น้อยกว่าการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดแบบรายเดือน









Recommend News

















©2018 ONBNEWS. All rights reserved.