จากกรณีที่นางสาวเอ (นามสมมุติ) อายุ 18 ปีได้เปิดเผยเรื่องราวเกี่ยวกับการใช้แอปหาคู่แล้วถูกเฒ่าอายุ 50 ปีใช้รูปโปรไฟล์เป็นหนุ่มรูปหล่อ อายุประมาณ 29 ปี หลอกลวง เมื่อนัดหมายไปพบกันแล้วถูกบังคับพาไปที่ จ.สมุทรปราการ แล้วบังคับข่มขืนใจนานกว่า 1 ปี ต่อมาหลบหนีออกมาได้และมีลูกสาวกับชายคนดังกล่าว อายุ 6 เดือน โดยเรื่องนี้ต้องการให้เป็นอุทาหรณ์สอนใจหญิงสาวทุกคนที่ทราบข่าวนี้ ตามข่าวที่ได้นำเสนอไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่  27 ม.ค. 2566 ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านหลังหนึ่ง เขต ต.หนองเชียงทูน อ.ปรางค์กู่ จ.ศรีสะเกษ เมื่อไปถึงพบว่า น.ส.เกษศิรินทร์ บุญเชิญ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ศรีสะเกษ ได้มอบให้เจ้าหน้าที่ของบ้านพักเด็กและครอบครัว จำนวน 2 คน นำเอาข้าวสาร อาหารแห้ง ขนม และอุปกรณ์สำหรับการเลี้ยงทารก พร้อมด้วย เงินสดสงเคราะห์ครอบครัว จำนวน 3,000 บาท นำเอามามอบให้กับ น.ส.เอและนางสร้อย (นามสมมุติ) อายุ 55 ปี แม่ของ น.ส.เอ เพื่อเป็นการให้การช่วยเหลือเบื้องต้น ทำให้ น.ส.เอ และครอบครัวดีใจมากที่ได้รับการช่วยเหลือดูแลจากหัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ศรีสะเกษ ในครั้งนี้  ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบข้อเท็จที่เกิดขึ้น เพื่อจะได้เป็นข้อมูลในการดำเนินการให้ความช่วยเหลือในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป

นางสร้อย (นามสมมุติ) อายุ 55 ปี แม่ของ น.ส.เอ กล่าวว่า ช่วงที่ น.ส.เอ ถูกคนร้ายล่อลวงบังคับเอาตัวไปนั้น ตนมีความเศร้าโศกเสียใจมาก เนื่องจากรักลูกสาวคนนี้มาก ตนจึงได้ไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ปรางค์กู่ เพื่อขอให้ช่วยติดตามหาตัว น.ส.เอ นำกลับมาบ้านให้ด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ใช้ความพยายาม ในการติดตามหามาโดยตลอด ต่อมาตนได้รับการติดต่อจาก น.ส.เอ จึงได้พูดคุยกันและได้อ้อนวอนให้คนร้ายปล่อยตัว น.ส.เอ กลับมาบ้าน เนื่องจากตนตรอมใจมากจนล้มป่วย จนกระทั่งคนร้ายได้ยอมปล่อยตัวให้ น.ส.เอ กลับมาบ้านและมีลูกมาด้วย 1 คน ซึ่งต่อมา ตนทราบว่าคนร้ายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดแห่งหนึ่งจับกุมตัวไปแล้ว เนื่องจากก่อคดีลักษณะเดียวกันนี้มาแล้วหลายราย ซึ่งการที่ตนได้ตัวลูกสาวกลับมาบ้าน ทำให้ตนดีใจมาก ตนจะช่วยเลี้ยงลูกของ น.ส.เอ ที่เกิดกับชายคนดังกล่าวเอง แต่ว่าตนก็มีความสุข เพราะว่า น.ส.เอ คือลูกสาวที่ตนรักมากได้กลับมาอยู่บ้านแล้ว

ทางด้าน น.ส.เกษศิรินทร์ บุญเชิญ หัวหน้าบ้านพักเด็กและครอบครัว จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า หลังจากที่ตนรับทราบข่าวนี้จากสื่อสารมวลชนแล้ว ตนก็ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่รีบลงไปให้การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ซึ่งเบื้องต้นได้มอบสิ่งของช่วยเหลือ และจะเป็นเงินสงเคราะห์ช่วยเหลือครอบครัว จากนั้น จะได้ให้การช่วยเหลือด้านต่างๆ ตามระเบียบของทางราชการที่กำหนดไว้ต่อไป