นายกฯ เร่งแก้ไขปัญหาให้ราษฎรผู้เดือดร้อนไม่มีที่ดินทำกิน สร้างโอกาสและความเป็นธรรมให้ประชาชน
25 ม.ค. 2566, 10:24
วันที่ 24 มกราคม 2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญต่อความเดือดร้อนของประชาชนเป็นสำคัญ โดยกรณี ราษฎรผู้เดือดร้อนไม่มีที่ดินทำกินจำนวน 113 ราย ต.วังยาว อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี นั้น นายกรัฐมนตรีเข้าใจและห่วงใยปัญหามาโดยตลอด และได้สั่งการให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอำนวยความเป็นธรรมและเร่งรัดการปฏิบัติราชการ เรียกประชุมและรายงานต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยที่ผ่านมาเลขาธิการนายกรัฐมนตรีได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าประชุมเพื่อรับฟังข้อเท็จจริง และข้อชี้แจงในหลายโอกาส และ เมื่อวันที่ 16 มกราคม 2566 นายกรัฐมนตรีได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) และได้รับฟังการรายงานจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง ซึ่งต่อจากนั้น นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้เลขาธิการนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นอีกด้วย
โดยในวันนี้ (24 ม.ค 2566) ที่ อ.ด่านช้าง จ.สุพรรณบุรี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางตรวจพื้นที่ที่เตรียมจัดสรรให้กับชาวบ้านจำนวน 113 ราย หลังร้องเรียนได้รับความเดือดร้อนจากการไร้ที่ทำกิน
โดยทันทีที่เดินทางถึง นายกรัฐมนตรีได้ขึ้นรถเข้าสำรวจแนวที่ดินที่ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดหาเพื่อจัดให้ชาวบ้านเข้าทำกินอย่างเร่งด่วน โดยได้สอบถามตัวแทนกรมป่าไม้เกี่ยวกับรายละเอียดการให้เช่าที่สัมปทานกับเอกชน และสอบถามความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อน โดยจะดำเนินการตรวจสอบให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ก่อนที่จะเดินทางมาพบกับกลุ่มชาวบ้านจำนวน 113 ที่รอพบอยู่ที่ อบต.วังยาว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้มาดูพื้นที่จริงด้วยตัวเอง และตอนนี้ได้ให้ตรวจสอบพื้นที่ 2 แปลงใหญ่ที่เอกชนรับสัมปทาน ว่าเป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่ ส่วนพื้นที่ทำกินที่จัดสรรให้ชาวบ้านนั้น ผู้ที่ได้รับสิทธิ์จะต้องเป็นผู้ที่ไม่มีที่ทำกินอยู่แล้ว และจะต้องมีรายได้ตามกติกา โดยจะจัดสรรพื้นที่จำนวน 557 ไร่ ให้ลงพื้นที่ก่อน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน เพราะการจะทำอะไรต้องมีกติการ่วมกัน
"ที่ทำตรงนี้ไม่ได้ให้ทุกคนรักนายกฯ แต่ต้องการให้ทุกคนมีที่ทำกิน อยากฝากให้ทุกคนมีความสามัคคีปรองดองกัน เพื่อให้บ้านเมืองเดินหน้าไปได้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ทั้งนี้ การที่นายกรัฐมนตรีได้เดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง และรับทราบปัญหาด้วยตัวเอง รวมทั้งฟังเหตุผลของทั้งสองฝ่ายคือทั้งภาครัฐและประชาชนเพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงจุด โดยหลังจากได้รับทราบข้อมูลแล้ว นายกรัฐมนตรีได้มอบให้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุพรรณบุรี ดำเนินการเร่งตรวจสอบที่ดินจำนวนพื้นที่ 557 ไร่ เพื่อจัดสรรที่ทำกินให้แก่ประชาชนผู้มีรายได้น้อยจำนวน 113 ราย โดยยึดหลักกฎหมายอย่างเคร่งครัด และหากผลการตรวจสอบคุณสมบัติทั้ง 113 รายเสร็จสิ้นแล้ว ประชาชนรายใดได้รับการจัดสรรไม่ถูกต้อง จะต้องเสียสิทธิพื้นที่ทำกินนั้น ๆ ซึ่งในเรื่องดังกล่าวประชาชนที่ได้ยื่นเรื่องร้องเรียน ต่างก็ยอมรับในเงื่อนไขนี้ด้วยแล้ว
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กล่าวว่าการแก้ปัญหาดังกล่าว หากเหมาะสม จะได้ให้ดำเนินการเป็นแนวปฎิบัติในการช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ไม่มีที่ทำกิน ให้สามารถดำเนินชีวิตได้ด้วยความถูกต้องตามกฎหมาย ให้เกิดความเท่าเทียมและสร้างความเป็นธรรมในสังคมต่อไป
“นายกรัฐมนตรีไม่เคยนิ่งนอนใจต่อความเดือดร้อนของประชาชน ต้องการดูแลบรรเทาความทุกข์ของประชาชนทุกกลุ่ม มุ่งหน้าทำงานเชิงรุก สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างตรงไปตรงมา รับฟังทุกข้อจำกัด ความท้าทาย เพื่อแก้ไขปัญหาให้ตรงจุดอย่างยั่งยืน ซึ่งขอให้ประชาชนมั่นใจในแนวทางการทำงานที่นายกรัฐมนตรียึดมั่นมาตลอดนี้” นายอนุชา ฯ กล่าว