และล่าสุดในช่วงสายของวันนี้ (10 มิถุนายน 2562) ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า พันเอกณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรินารี พ.ต.อ.สุจริต ปานเล็ก พร้อมด้วย พ.ต.อ.พงษ์พิพัฒน์ ศิริพรวิวัฒน์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ พ.ต.อ.วิศิษฎ์ มะอักษร ผกก.สืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ พ.ต.ท.สุรัตน์ คลายทุกข์ สารวัตรใหญ่ สภ.สะเดา พร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ตำรวจตระเวนชายแดน ที่ 214 เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจังหวัดสุรินทร์ เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ได้เดินทางเข้าไปยังบริเวณ จุดที่พบอาวุธสงคราม เส้นทางบ้านสะเดา ต.สะเดา อ.บัวเชด จ.สุรินทร์ ไปยังบ้านตาห้วยตามอญ ต.ห้วยตามอญ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรสะเดา ได้นำเครื่องสูบน้ำ มาสูบออกจากบ่อน้ำ ที่พบอาวุธสงคราม ภายในสวนปาล์ม ห่างจากถนนลูกรังสายบ้านสะเดา–บ้านห้วยตามอญ ประมาณ 20 เมตร ซึ่งเป็นร่องน้ำขนาดเล็กเกิดจากระบบการไหลของน้ำตามธรรมชาติ จากที่สูงโขดหินลงสู่ที่ต่ำ ทำให้เกิดแอ่งน้ำเล็ก และเป็นร่องทางไหลของน้ำ เมื่อเจ้าหน้าที่สูบน้ำ ออกจนหมดแล้วพบแม็กกาซีน อีก 1 ตลับ และได้นำมาตรวจสอบกับอาวุธที่พบก่อนหน้านี้แล้ว และนำไปเก็บรักษาไว้ ที่ สภ.สะเดา เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลังฐานได้ตรวจสอบหาลายนิ้วมือแฝงของคนร้ายต่อไป

จากนั้นได้เดินทางมาตรวจดูอาวุธปืน เอเค 47 จำนวน 16 กระบอก แม๊กกาซีน จำนวน 130 อัน ขวดบรรจุ น้ำมันชโลมปืน จำนวน 18 ขวด แต่ได้ใช้ไปจนหมดทุกขวดแล้ว และกระสอบปุ๋ย ที่ใช้บรรจุอาวุธปืนสงคราม จำนวน 4 ถุง ซึ่งข้างถุงมีทั้งเขียนภาษาไทย ภาษา สปป.ลาว และภาษาอังกฤษ จากการตรวจสอบอาวุธปืนที่อยู่ในถุงทั้งหมด พบว่าอาวุธปืน เอเค 47 ทั้ง 16 กระบอกและแม็กกาซีน 130 อัน เป็นของเก่า พานท้ายปืนเก่าพุกร่อน แตกหัก ลำกล้องสนิมขึ้นเกรอะแทบทุกกระบอก

พ.อ.ณัฏฐ์ ศรีอินทร์ รอง ผบ.กองกำลังสุรนารี กล่าว ได้ทำการตรวจสอบพื้นที่บริเวณจุดเกิดจากแผนที่อย่างละเอียดแล้ว พบว่า เป็นพื้นที่ของบ้านห้วยตามอญ ต.ห้วยตามอญ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งให้ ตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ได้ประสาน ผู้กำกับการตำรวจภูธรภูสิงห์ รับทราบ และเดินทางมารับโอนสำนวนคดี ไปติดตามสืบสวนสอบสวนต่อไป และได้ตั้งข้อสังเกตว่า บริเวณจุดที่พบอาวุธสงคราม อยู่ไม่ห่างจากทางหลวงสาย 24 สิคิ้ว-อุบลราชธานี ช่วงสะพานลำห้วย ในพื้นที่ ต.โสน อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ จากการตรวจสอบในแผนที่พบว่าอยู่ห่างกันเพียง 11-12 กิโลเมตร เท่านั้น กลุ่มคนร้ายที่เอาอาวุธปืนมาทิ้ง น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่ทิ้งอาวุธสงคราม ที่ อ.ขุขันธ์ ซึ่งกระสอบปุ๋ยที่ใช้บรรจุอาวุธปืน คาดว่า จะเป็นสอบรุ่นใกล้เคียงกัน แต่อาวุธปืน เป็นอาวุธเก่า ผ่านการซุกซ่อน มานาน ชำรุดใช้งานไม่ได้เป็นส่วนใหญ่

ขณะที่ พ.ตอ.สุจริต ปานเล็ก รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสุรินทร์ ได้ประสานแจ้งให้ พ.ต.อ.พฤทธ์ บุญปก ผู้กำกับการ สภ.ภูสิงห์ ได้รับทราบว่า พื้นที่ที่พบอาวุธสงคราม เป็นพื้นที่ ในเขตความรับผิดของ สภ.ภูสิงห์ และให้เดินทางมารับอาวุธสงคราม พร้อมรับสำนวน ไปสืบสวนสอบสวน ต่อไป และได้ประสานเจ้าหน้าเกษตรอำเภอบัวเชด ให้เข้าตรวจสอบกระสอบปุ๋ยที่พบ บรรจุอาวุธปืนสงคราม ว่าเป็นกระสอบปุ๋ยมีแหล่งที่มาจากประเทศอะไรบ้าง เพื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้ทำการสืบสวนสอบหาคนร้ายกลุ่มนี้ต่อไป