"สรยุทธ" โพสต์ขอโทษ "แอนนา" กรณีเผยแพร่คลิปนาทีถูกรวบคาสนามบิน !
7 มิ.ย. 2565, 14:22
จากกรณีเมื่อวาน 6มิ.ย.65 ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ได้เข้าไปรับตัวพร้อมกับหมายจับ "แอนนา" ที่ สนามบินสุวรรณภูมิ หลังเดินทางกลับมาจากประเทศฝรั่งเศส เพื่อรับทราบข้อกล่าวหา คือ ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกัน เล่นการพนันสลากกินรวบพนันเอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาตโดยเป็นเจ้ามือรับกินรับใช้ และร่วมกันโดยทุจริตหรือโดยหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน โดยจะนำตัวสอบสวนอย่างละเอียดอีกครั้ง
ต่อมา "แอนนา" โพสต์ข้อความ “สิทธิผู้ต้องหาไม่มีอยู่จริง โดนตม.ถ่ายรูปถ่ายคลิปตั้งแต่นาทีที่ลงเครื่อง Welcome to thailand”
ล่าสุด(6มิ.ย.65) ทางด้าน เฟซบุ๊ก สรยุทธ สุทัศนะจินดา กรรมกรข่าว ได้ออกมาโพสต์ขอโทษ แอนนา ปมเผยแพร่คลิปนาทีถูกรวบคาสนามบิน
" ขออภัยแอนนา แต่ขอพูดถึง "ศาสดาสื่อ" ตาฝ้า! กรณี แอนนา แชร์โพสต์ของผม ขอความเป็นธรรมว่า
"ด้วยความเคารพถึงคุณอาสรยุทธ คลิปนี้คุณอาได้มาจากเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองไหมคะ แอนนาขอความกรุณาเจ้าหน้าที่แล้วว่าขอใช้สิทธิpdpa แต่สุดท้ายแอนนาก็ถูกละเมิดสิทธิตั้งแต่เจ้าหน้าที่รัฐจนถึงสื่อใหญ่ ถ้าเป็นตาสีตาสาคนธรรมดาเขาจะปกป้องตัวเองยังไง"
ด้วยความเข้าใจความรู้สึกของแอนนา คลิปนี้ได้มาจากระบบข่าวปกติ ซึ่งผมก็เชื่อว่า เจ้าหน้าที่เป็นผู้ถ่ายและนำมาให้สื่อ และเมื่อแอนนาได้ทักท้วงมา ผมก็ลบคลิปดังกล่าวทันที และต้องขออภัยที่ทำให้เกิดความไม่สบายใจ
ส่วนประเด็นเรื่อง ‘พรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล’ หรือ PDPA ซึ่งบังคับใช้เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ในกรณีนี้ เข้าใจว่ายังคงเป็นที่ถกเถียงหรือตีความกันอยู่เรื่องการเปิดเผยภาพหรือชื่อผู้ถูกกล่าวหาในคดีอาญา ซึ่งที่แล้วมา ปกติทั่วไปในแวดวงสื่อ ถ้าเป็นกรณีเป็นบุคคลสาธารณะ เป็นที่รับรู้อยู่แล้ว ก็ไม่มีเหตุจะต้องบังชื่อหรือใบหน้า เหมือนเมื่อครั้งที่แอนนา เคยบอกให้ผมเปลี่ยนรูปในหมายจับที่มีการคาดดวงตา (ซึ่งเป็นภาพจากเจ้าหน้าที่)ให้มาใช้ภาพแอนนาสวยๆ ไม่ต้องคาดตา แต่หากกรณีผู้ต้องหาทั่วไป ก็จะปิดบังใบหน้า (ซึ่งสังคมก็มักจะตั้งคำถามว่าปิดทำไม)
ประเด็นของแอนนา ไม่ใช่ประเด็น PDPA แต่เป็นประเด็นการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ถ่ายคลิปเหตุการณ์แล้วนำมาให้สื่อ และสื่อที่นำมาเผยแพร่ อาจสุ่มเสี่ยงว่าจะเป็นการละเมิดต่อบุคคล ตามมาตรา 29 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับปัจจุบัน ว่า “ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้”
ยกตัวอย่างกรณี ตำรวจออกกฎเกณฑ์ ห้ามไม่ให้เอาผู้ต้องหามาแถลงข่าว ก็เพราะหลักตรงนี้ครับ
ต้องขอบคุณแอนนาที่ทักท้วง และผมยินดีเสมอที่จะรับฟังคำท้วงติง และพร้อมจะแก้ไขบรรเทาความเสียหายโดยทันที เพราะโดยส่วนตัวถือหลักว่า เมื่อได้รับการทักท้วงที่มีเหตุผล ต้องแก้ไข โดยไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน โดยเฉพาะที่มีผลกระทบต่อบุคคลในคดีอาญา เพราะผมเองก็เคยเป็นผู้ถูกกระทำจากสื่อมาก่อน แต่ได้มีผู้ที่พยายามแสดงความเห็น ประหนึ่งอยากเป็นศาสดาของสื่อ หยิบยกเอาประเด็นนี้ไปนำเสนอ ทำนองว่า พีดีพี? ตม. หรือ แอนนา หรือ สื่อใหญ่ ใครผิดใครถูก
กรณีนี้ ขออนุญาต ถถถถถถถถถถถถถถถถ เห็นเป็นผมเท่านั้นแหละ เอาใหญ่ แข็งขันขึ้นมาทีเดียว ทั้งๆ ที่สื่อที่เบิกประจานผู้เสียหายในคดีอาญา ก็มีอยู่มากมาย ร้ายแรงยิ่งกว่านี้ ชัดเจนยิ่งกว่านี้มาก จะเป็นคนเด่นคนดัง หรือ ตาสีตาสา
ไปอยู่ไหนมา ถึงไม่เคยเห็น หรือการพาดหัวเหยียดเพศล่ะ ผู้อยากเป็นศาสดาสื่อกล้ามั้ย ข่าวใส่ร้ายป้ายสีดารา ทำทีพาดหัวตั้งคำถาม “นาง ก.เป็นชู้กับชาวบ้านจริงมั้ย?” แล้ว นาง ก.ก็เสียหายไปแล้ว อยากเป็นศาสดาข่าวจนตัวสั่น แต่ตาฝ้า
“…ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้” มีมาก่อน 1 มิถุนายน ตั้งนานแล้วครับ เคยทำอะไรมั้ยครับ หรือต้องเกิดเฉพาะกับผม แล้วก็ยกให้เป็นสื่อใหญ่ ตีฟูทันทีทันควัน ขออนุญาตนะครับ ถถถถถถถ … ุย