"อนุชา" ลั่นปกป้องพระพุทธศาสนา ฝากพระสังฆาธิการดูแลพระสงฆ์
27 พ.ค. 2565, 18:45
วันนี้ ( 27 พ.ค.65 ) นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บรรยายพิเศษโครงการประชุมสัมมนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการปกครองคณะสงฆ์ในเขตปกครองคณะสงฆ์จังหวัดอ่างทอง ณ วัดอ่างทอง อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทอง โดยมี พระราชธีราภรณ์ รองเจ้าคณะภาค 2 พร้อมด้วยเจ้าคณะพระสังฆาธิการ นายสิปป์บวร แก้วงาม ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนา นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอ่างทองเข้าร่วม เพื่อมอบนโยบายตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี รวมทั้ง รับทราบปัญหา หาแนวทางหรือมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อความเจริญมั่นคงของสถาบันชาติ พระศาสนา และพระมหากษัตริย์ อย่างยั่งยืนตลอดไป
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า สืบเนื่องจากสถานการณ์ของพระพุทธศาสนาในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวข้องกับพระสงฆ์ มีข่าวคราวปรากฏตามสื่อต่างๆ เป็นไปในทิศทางลบมากกว่าบวก ซึ่งสาเหตุหลักเกิดจากพระภิกษุบางรูป บางกลุ่ม ซึ่งเป็นส่วนน้อยมากจากพระภิกษุสงฆ์ทั้งหมดทั่วประเทศ ประพฤติตนไม่เหมาะสมตามหลักพระธรรมวินัย หรือประพฤติผิดกฎหมายบ้านเมือง มีปรากฏตามสื่อโลกออนไลน์ หรือปรากฏเป็นข่าวทางสื่อโทรทัศน์ช่องต่างๆ เกิดขึ้นเป็นรายวัน ก่อให้เกิดเป็นกระแสโลกวัชชะ และก่อให้เกิดวิกฤตศรัทธาต่อพระสงฆ์ในภาพรวมของคนในสังคม โดยเฉพาะคนที่มีศรัทธายังไม่มั่นคงต่อพระพุทธศาสนา อีกทั้งยังมีบุคคลบางกลุ่มบางพวก ซึ่งไม่ได้มีอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรงได้อาศัยสถานการณ์ดังกล่าวนี้ เข้าไปดำเนินการตรวจสอบ สอบสวน และพิพากษาตัดสิน โดยไม่ผ่านกระบวนการตามหลักพระธรรมวินัยและหลักกฎหมาย พยายามสร้างกระแสต่อมวลชนผ่านสื่อต่าง ๆ
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าว ได้สั่งการให้ตนในฐานะที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มอบหมายให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้หาแนวทางแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วนที่สุด พร้อมกำชับให้กำหนดมาตรการหาแนวทางป้องกันแก้ไขไม่ให้เกิดผลกระทบต่อความรู้สึก ความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อพระพุทธศาสนามาอย่างยาวนาน ซึ่งที่ผ่านมาได้สำนักงานพระพุทธศาสนารวมถึงผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ได้เพิกเฉยต่อเรื่องดังกล่าว ได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาตามกระบวนการแล้ว ย้ำกลุ่มบุคคลที่ไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องแล้วเข้ามาดำเนินการเป็นผู้ทำลายศาสนา ทำลายความน่าเชื่อถือ ทำลายความศรัทธา การกระทำของคนกลุ่มนี้ถือเป็นการก้าวก่ายอำนาจหน้าที่ของคณะสงฆ์ เป็นการกระทำโดยพลการไม่ได้ประสานงานมายังสำนักพระพุทธศาสนาซึ่งเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรง ซึ่งได้มีการกำชับให้ดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดแล้ว ทั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ขอให้ทุกคนทุกฝ่ายได้ตระหนักร่วมกันว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของสถาบันพระพุทธศาสนา ทุกคนทุกฝ่ายจึงต้องช่วยกันดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้ปัญหาดังกล่าวยุติโดยเร็ว และเพื่อให้มีแนวทางหรือมาตรการในการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีระบุว่า ปัญหาทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับพระภิกษุประพฤติผิดพระธรรมวินัย หรือประพฤติผิดกฎหมายบ้านเมือง จะลดน้อยลงหรือหมดไป ขึ้นอยู่กับพระสังฆาธิการทุกระดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เจ้าอาวาส และพระอุปัชฌาย์ ที่จะต้องเอาใจใส่อย่างจริงจัง และคอยสอดส่องดูแล อบรมสั่งสอน พระภิกษุ สามเณร และสัทธิวิหาริกในสังกัดให้ประพฤติปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัยและกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด รวมถึงให้พระภิกษุ สามเณรในสังกัดได้ศึกษาพระธรรมวินัย ทั้งในส่วนของนักธรรม บาลี และการปฏิบัติกรรมฐานอยู่เนื่องๆ เพื่อให้เกิดความลึกซึ้งและเข้าใจในหลักคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง และเพื่อเป็นกำแพงป้องกันการประพฤติผิดพระธรรมวินัย