"สองพี่น้อง" โดนฟ้าผ่า ใช้เหล้าพ่นตัว รอดตายปาฏิหาริย์
29 เม.ย. 2565, 08:39
วันที่ 28 เมษายน 2565 สองตายาย ร่ำไห้ใจจะขาด เห็นสายฟ้าผ่าหลานล้มทั้งยืน หมดสติ รีบอุ้มร่างขึ้นมานอนบนล้าน ทั้ง 2 คน ขณะจะเขียนสัญญาวางมัดจำที่ดินให้ บริเวณเพิงกระต๊อบข้างทุ่งนา ทำอะไรไม่ถูก นึกถึงพี่ชายที่เคยโดนสายฟ้าผ่ามาแล้ว จนสลบไปหลายวัน แล้วเอาเหล้ามาพ่นตัวดีขึ้นจนหาย จึงรีบวิ่งไปเอาเหล้าที่มีอยู่ครึ่งขวดอยู่ในบ้านมาพ่นตัวให้หลาน จนหลานทั้ง2คนได้สติ ดีใจ จึงได้รีบแจ้งศูนย์กู้ภัยสว่าง ขอรถพยาบาลสว่าง จำนวน 2 คัน มารับตัวหลานทั้ง 2คน ส่งรพ.สระบุรีเป็นการด่วน
เมื่อไปถึงโรงพยาบาล แพทย์รีบนำตัวเข้าห้องฉุกเฉินตรวจดูอาการเป็นการด่วน ทราบชื่อ น.ส.พัชราภรณ์ ศรีสุวรรณ อายุ 19 ปี เป็นนักศึกษาชั้น ปวส. และ ด.ช.วีรภัทร สันทัดงาน อายุ 10 ปี เป็นนักเรียนชั้นป.4 ล่าสุดเด็กทั้ง 2 คน อาการดีขึ้น แต่หูยังอื้อไม่ได้ยิน ส่วนแขน,ขายังสั่นชา แพทย์จึงได้ให้นอนรักษาตัวเพื่อตรวจดูอาการภายในร่างกายต่อไป
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยัง บ้านเลขที่ 33 หมู่ 6 ต.หนองยาว อ.เมือง จ.สระบุรี ซึ่งเป็นบ้านของเด็กทั้งสองคน ได้พบกับ ตา ประภาส ปิ่นทอง อายุ 71 ปี ซึ่งเป็นตา เล่าให้ฟังว่า เด็กทั้งสองคน ซึ่งเป็นหลานของตน หญิง 1 ชาย 1 เขาได้ไปอยู่ที่กระต๊อบ ส่วนตนก็อยู่กับหลานในกระต๊อบแต่อยู่คนละฝั่ง ส่วนแขกอีก2คนที่จะมาวางมัดจำที่ดิน ก็นั่งอยู่ไม่ไกลกัน แต่เท้าเขาไม่ถึงดิน พอฟ้าผ่าตนก็เห็นหลานล้มหงายลงไปทั้งคู่ ตนจึงได้รีบวิ่งไปอุ้มหลานขึ้นมานอนบนล้าน และเรียกอีก 2 คน ให้มาช่วย เพราะหลานหมดสติทั้ง 2 คนแล้ว จากนั้นจึงได้รีบวิ่งไปเอาเหล้าหงส์ทองที่มีอยู่ครึ่งขวด มาพ่นให้หลานทั้งตัว ซึ่งหลานผู้หญิงยังไม่ฟื้น จึงได้เป่าปาก 2 ครั้ง หลานก็ฟื้น รู้สึกตัว พูดได้ และรู้ว่าตัวเองโดนฟ้าผ่า ตนจึงได้บอกหลานว่า ไม่เป็นไรหลอกลูก เดี๋ยวก็หาย ซึ่งไม่มีรางสังหรณ์อะไรเลย ไม่ได้เรียกว่าฟ้าผ่า เพราะว่า ฟ้ามันผ่าตรงอื่น แต่สายมันมาหาหลาน ตาไม่เคยโดน แต่พี่ชายและคนรุ่นเดียวกับตนเคยโดน พี่ชายตนนอนสลบ 3 วัน ถึงจะฟื้น ใช้เหล้าพ่นหมดไป 2-3 ขวด ถ้าคนโดนฟ้าผ่าอย่าเอามือไปจับตัว เพราะมันจะทำให้ทรุดลงไป ถ้าจะจับต้องใช้เหล้ามาเท ถึงจะจับได้ เหมือนแก้เคล็ด พอหลานฟื้นแล้วตนดีใจ เพราะตอนแรกตกใจมาก เห็นหลานล้มไปทั้งคู่ จึงรีบไปเอาหลานขึ้น จะอุ้มคนเดียวก็ไม่ไหว ต้องเรียกอีก2คนให้มาช่วยอุ้มขึ้น เพราะฝนมันตกแรง ตอนแรกตกไม่แรงเท่าไหร่ แต่ฟ้ามันคำราม พอเอาหลานขึ้นมาได้ ตนก็วิ่งเข้ามาในบ้านเอาเหล้าพ่น ดีที่มีเหล้าอยู่กรมกว่าๆ ส่วนเด็กยังเรียนอยู่ ผู้หญิงเรียนปวส. ผู้ชายเรียนป.4 หลานผู้หญิงเรียนเก่ง ซึ่งตอนนี้ยังไม่รู้ว่าประสาทจะเป็นอย่างไร เพราะหูยังอื้ออยู่ทั้ง 2 คน และขาก็ยังขยับไม่ได้ ส่วนเด็กผู้ชายล้มไปฟาดตอไม้ อยากฝากเตือน เวลาฝนตกอย่าออกบ้านเลยดีกว่า ถึงเวลามันจะผ่าอยู่ที่ไหนมันก็ผ่า อย่าออกบ้านดีที่สุด ตา ประภาส ยังพูดต่ออีกว่า ถ้าฟ้าผ่าต้องตายเลย แต่อันนี้ไม่ผ่า แค่โดนสายฟ้าเฉยๆ ตอนพี่ชายตนโดน ก็ไม่เป็นอัมพฤกษ์อัมพาต แค่สลบไป ทำอะไรไม่ได้ 2-3 วัน แต่ที่หลานโดนสายฟ้าผ่าเพราะเหยียบดินอยู่ ถ้าไม่เหยียบดินก็ไม่โดน ถ้าฝนตกอย่าเหยียบดิน และอย่าโดนสังกะสีมันจะชาหมดเลย กระแสไฟมันจะวิ่งเข้าตัวเรา
ทางด้าน ยาย ทองใบ ปิ่นทอง อายุ 68 ปี ซึ่งเป็นยาย เล่าว่า ต้นไม้ 2 ต้น ติดกัน ต้นใหญ่ซีกนึงแดงหมดเลย ต้นเล็กก็แดง แต่ตนไม่รู้ว่าลงถึงหลาน เพราะมัวแต่มองต้นไม้อยู่หน้าบ้าน เห็นฟ้ามันแลบแดงตามกิ่งไหม้เต็มเลย แต่ไม่เห็นหลาน พอตนวิ่งเข้ามาในบ้าน ตาได้บอกว่า สายฟ้าลงหลาน ยายก็ตกใจร้องไห้ เพราะรักหลานผู้หญิงที่สุด ซึ่งมีหลานหลายคน แต่ก็มีครอบครัวกันหมดแล้ว เหลือแค่คนนี้คนเดียว รักเขามาก เขาเรียกตนว่าแม่ เพราะตนเลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก 5 เดือน รักที่สุด อะไรก็ให้หลานทำแทนทุกอย่าง ซึ่งเป็นคนเดียว ที่เป็นมือเป็นเท้าทุกอย่างในบ้านนี้ ส่วนผู้ชายก็เป็นน้องเขา แต่คนละพ่อ แต่ก็รักไม่เท่ากับคนนี้ เพราะเขาตั้งใจเรียน ไม่ยุ่งเรื่องผู้ชายเลย