"ทนายกฤษณะ" ยืนยัน! ไม่คิดแย่งซีน "แม่แตงโม" เกือบทำครอบครัวพัง หลังตกเป็นข่าว
22 มี.ค. 2565, 09:42
นับเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญที่หลายๆคนต่างพูดถึงกันเป็นอย่างมากในช่วงนี้ หลังจากที่ทนายกฤษณะ ศรีบุญพิมพ์สวย ได้ขอเสนอตัวเองเข้ามาทำคดีของแตงโม ภัทรธิดา ภัทรวีระพงษ์ และได้ถูกนางภนิดา ศิระยุทธโยธิน แม่ของแตงโม ถอดถอนไป และได้แต่งตั้งทนายเดชาขึ้นมาแทน โดยให้เหตุผลว่าชอบขัดคำสั่งแม่ ให้สัมภาษณ์กับรายการต่างๆเกี่ยวกับคดีของแตงโม จนทำให้ตำรวจยศใหญ่ไม่พอใจ เพราะเจรจากันไม่ได้ความ
ล่าสุด 21 มีนาคม 2565 ทนายกฤษณะ ได้ตอบคำถามทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บ SHOW ซึ่งมีธัญญ่า ธัญญาเรศ และเป็กกี้ ศรีธัญญา เป็นพิธีกรดำเนินรายการ
ครั้งที่แล้วนัดกันแล้วทำไมไม่มา เกิดอะไรขึ้น ?
ทนายกฤษณะ ครั้งที่แล้วตอนแรกสับสนคิวการให้สัมภาษณ์ครับ จริง ๆ ผมได้รับปากไว้แล้ว แต่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดขึ้นเลยทำให้ผมเบลอเลยช่วงนั้น ต้องกราบขอโทษด้วยครับ วันนี้มาถึงที่แล้ว ขอโทษด้วยตัวเองอีกครั้งหนึ่งครับ
กับแม่คุณแตงโม ?
ทนายกฤษณะ : สถานะตอนนี้ผมไม่ใช่ทนายของคุณแม่แล้วนะครับ ซึ่งคุณแม่ได้สั่งระงับแล้ว จริง ๆแล้วใบสั่งแต่งทนายมันจะต้องไปใช้ในศาล มันต้องเป็นใบมอบอำนาจก่อน แต่ด้วยความที่คุณแม่เซ็นใบแต่งให้ผมเลยในวันนั้น ซึ่งมีอำนาจอะไรจัดการได้ แต่จริง ๆ แล้วมันต้องมีใบมอบอำนาจอีกฉบับนึงคู่กัน แต่ทางคุณแม่กับผมถือว่าแต่งไปแล้วไม่เป็นไร ก็ทำหน้าที่ในฐานะคุณแม่แทน แต่เวลาจะเข้าไปขอเอกสารอะไรกับทางพนักงานสอบสวนหรือว่าจะเข้าไปร่วมประชุมก็แล้วแต่ คุณแม่ก็จะทำใบมอบอำนาจอีกฉบับนึงให้ไปคู่กันด้วยนะครับ อธิบายให้เข้าใจก่อน ใบแต่งทนายต้องใช้ในศาล ใบมอบอำนาจเรายังขออะไรต่าง ๆ ขอหลักฐานได้
ล่าสุดคืนใบมอบอำนาจให้คุณแม่ไปหรือยัง ?
ทนายกฤษณะ : พรุ่งนี้ครับ นัดคุณแม่ว่าจะเอาไปคืนที่ที่พักท่าน สถานะตอนนี้สิ้นสุดตั้งแต่คุณแม่ประกาศแล้ว แต่แค่เอกสารผมยังไม่มีเวลาคุย ผมติดว่าความอยู่ก็เลยยังไม่มีเวลาไป เมื่อวานคุณแม่ก็โทร. มาคุย
คุณแม่ว่ายังไงบ้าง ?
ทนายกฤษณะ : คุณแม่ก็ถามว่าโกรธคุณแม่หรือเปล่า ผมก็บอกว่าไม่ได้โกรธเลยคุณแม่สบายใจได้ ผมก็ยอมรับตามที่ผมบอกออกไปแล้ว ขอให้คุณแม่ไม่ต้องคิดมาเรื่องนี้ ขอให้พักผ่อน คุณแม่ก็ไม่สบายใจ เข้าใจความรู้สึกของคุณแม่ แต่ว่าด้วยสิทธิของท่านเราก็ต้องยอมรับ
คุณแม่ได้มีการเตือนก่อนไหม ?
ทนายกฤษณะ : ด้วยเซนส์ของทนายเองก็มีก่อนแล้วครับ เห็นสิ่งรอบข้างการโต้ตอบกันก็แปลก ๆ ไป แต่ไม่ได้ถือสาเราก็รู้แล้วแหละ แต่ด้วยความที่เราอยากได้ยินจากปากเองนะครับ พอดีวันนั้นผมเข้าไปเคลียร์งานที่ออฟฟิศ ทนายเดชาก็โทร. เข้ามาบอกว่าให้รีบมาที่สำนักงานด่วนเลยมีอะไรจะคุยด้วย ผมก็ยังไม่ทราบตอนนั้น รีบขับรถออกมาก็เห็นนักข่าวโทร. มา ได้ยินว่าพี่กฤษณะโดนปลดจากทนายแล้วเหรอ ผมก็เอ๊ะผมยังไม่รู้เรื่องอะไรเลย ผมก็เอะใจแล้ว เลยขับมาจอดปั๊มน้ำมันก่อน จอดโทรศัพท์หาคุณแม่ แม่บอกว่าใครบอกว่าคุณแม่ปลดคุณแม่ให้พักก่อนช่วยงานทนายเดชาอยู่ข้างหลังนะครับ คือให้ทำเอกสารในออฟฟิศ
ได้ยินแล้วรู้สึกยังไงบ้าง ?
ทนายกฤษณะ : ยังไม่เชื่อ ยังตกใจอยู่ สักพักนึงผมเดินไปเข้าห้องน้ำกลับมาใหม่ โทร. ไปอีกถามคุณแม่อีกครั้ง แต่รู้แล้วแหละความหมายคืออะไร เลยบอกคุณแม่ว่า คุณแม่ครับผมยอมรับตามที่คุณแม่บอกครับ เดี๋ยวผมจะไปหาทนายเดชา เดี๋ยวจะดำเนินการ แม่ไม่ต้องคิดมาก แม่พักผ่อนไปเลย ผมก็รู้แล้วเลยขับรถไป มีนักข่าวโทร. เข้ามาตลอดเลย ผมเองก็สับสนแล้ว เลยไปจอดปั๊มน้ำมันอีกปั๊มหนึ่งก่อนที่จะถึงสำนักงานอาจารย์เดชา ตั้งหลักก่อน ยังช็อกอยู่ เดินเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตา จริง ๆ ผมจะถึงแล้วแ ต่ผมบอกนักข่าวผมหลงทางก็หลงทางจริง ๆ แต่ว่าถ้าผมเข้าใจผมต้องมีคำพูดอะไรที่ใจเย็นขึ้น ต้องตั้งสติก่อน
ด้วยเหตุอะไรทำไมคุณแม่ถึงปลด คุณแม่บอกทนายชอบไปออกรายการ ?
ทนายกฤษณะ : จริง ๆ จุดประสงค์ผมที่ไปออกรายการด้วยความที่เราเองยังมีสิ่งที่สงสัย ณ ช่วงนั้น เลยอยากจะถ่ายทอดให้ทางบ้างหรือทีมทนายที่เขาดูอยู่เป็นรุ่นพี่ต่าง ๆ ว่าผมสงสัยนะ คุณมีอะไรเสนอแนะผมมาไหม อันนี้มันเป็นกุศโลบายของผมเองในการที่จะออกสื่อ แต่ถามว่าผมหิวแสงมั้ย ผมยังไม่เข้าใจคำ ๆ นี้เลย ด้วยความที่เรารู้แต่ภาษากฏหมาย ผมเห็นศัพท์วัยรุ่นไม่ได้ติดตามโซเชียลอะไรมากมาย ก็ไม่เข้าใจ ผมไปออกทีวีด้วยความที่เราไม่เคยอยู่ในวงการนี้ด้วย คำว่าหิวแสงผมไม่เข้าใจจริง ๆ
ตอนนี้เข้าใจหรือยัง ?
ทนายกฤษณะ : แจ่มแจ้งเลย (หัวเราะ)
คุณแม่บอกคุณทนายชอบแย่งให้สัมภาษณ์สื่อ ?
ทนายกฤษณะ : ประเด็นนี้อยากจะบอกว่าด้วยความหวังดีเลยนะครับ ตอนนั้นเห็นคุณแม่ทัวร์ลง ก็ได้ปรึกษาทั้งคุณดายศและเครือญาติ และคุณแม่ในช่วงนั้น คุณแม่ก็บอกว่ายังไงก็ช่วยคุณแม่ตอบคำถามหน่อยในช่วงนั้น ผมเลยแทรกเข้าไป เพราะว่าบางอย่างถ้าคุณแม่ตอบไปผมก็กลัวทัวร์จะลงคุณแม่จะเครียดอีก ผมก็เลยแทรกเข้าไป แต่ในช่วงนั้นผมก็ไม่ทราบว่าคุณแม่คิดยังไง ผมก็ยังทำหน้าที่เหมือนเดิม ก็ยังแทรก กลัวจะหลุดเหมือนกัน จุดประสงค์ผมไม่ได้คิดทำร้ายแม่หรือจะไปแย่งซีนแม่เลย แต่จริง ๆ ผมเกรงใจนักข่าวด้วยซ้ำไป ด้วยความที่คุณแม่ออกมาแบบนี้ผมก็ต้องน้อมรับในคำติชมท่าน
ทำให้ตำรวจยศใหญ่ ๆ ไม่พอใจ เพราะเพิ่งจบทนายมา 2 ปี ?
ทนายกฤษณะ : บางทีคำถามผมกับผู้ใหญ่ ผมอาจจะสงสัยมากไปนิดหนึ่งด้วยความที่เราเป็นทนายอีโก้ก็ต้องมี ถ้าผมไม่เจาะแบบนี้ ถ้าผมไปขึ้นศาลแล้วเนี่ยฝั่งตรงข้ามเค้าก็เก่งอยู่แล้วถ้ามีทนาย ถ้าผมเจาะเล็ก ๆ น้อย ๆ มันก็ได้แค่ข้อมูลเบื้องต้นผมฟังข่าวก็ได้ถ้าลักษณะนั้น แต่ว่าตรงนี้อาจจะไปล้ำผู้ใหญ่เค้าหรือเปล่าผมก็ไม่ทราบ แต่ว่าด้วยหน้าที่ผมผมทำตรงไปตรงมา แต่ว่าต้องน้อมคำติชมคุณแม่อีกทีหนึ่งครับ
ทนายเดชามาทำหน้าที่แทน รู้สึกยังไงบ้าง โกรธ น้อยใจบ้างไหม ?
ทนายกฤษณะ : ตอนแรกผมบอกสื่อทุกท่านแล้วว่ายกให้ทนายเดชาเป็นพ่อคนที่ 2 ซึ่งผมเองติดตามท่านมาตลอดและได้ความรู้จากท่านมา ถามว่าผมเสียใจไหม นิสัยผมเป็นคนที่ไม่อาฆาตคน ไม่โกรธคน ผมเป็นคนที่ใจเย็นมาก สังเกตดูเวลาผมสัมภาษณ์ผมจะไม่ใส่ร้ายใครเลย ผมรู้ทั้งรู้ว่าเขาทำผมแต่ผมจะนิ่ง เรานิ่งดีกว่าความนิ่งมันจะสยบทุกอย่าง ผมมีแผน 2 ผมอยู่แล้ว แต่ผมไม่สามารถที่จะเปิดเผย คำว่าทนายความ มารยาททนายความอยู่อย่างหนึ่งก็คือห้ามอวดอ้างสรรพคุณตัวเอง ผมก็ต้องระมัดระวังคำพูดนิดหนึ่ง กิริยาผมเลยต้องออกไปในลักษณะอย่างนั้น ถามว่าโกรธไหม ไม่โกรธ
ทนายเดชามารับงานแทน ได้คุยกันบ้างหรือยัง ?
ทนายกฤษณะ : คุยกันทุกวันเลยครับ ทุกเช้าท่านจะโทร. มาหาผมตลอด มีอะไรก็จะปรึกษากันว่ามีหลักฐานใหม่อะไรไหมที่จะเชื่อมโยงกันได้ ผมเองก็ขออนุญาตท่าน ท่านเดชายังอนุญาตให้ผมอยู่กับท่านเต้ได้เลยแกยินดีเลย คุณแม่เองที่โทร. มาเมื่อวานตอนกลางคืน ก็ดีใจที่ผมจะได้ค้นหาข้อเท็จจริงอีก ตอนนี้คุณแม่ติดใจเรื่องการตรวจคราบเลือดในเรือ คุณแม่อาจจะได้ข้อมูลมาจากไหนไม่ทราบตรงนี้ คุณแม่บอกว่าให้ผมกับท่านเต้ช่วยค้นหาอีกหน่อย ผมเองก็ได้บอกว่าได้ครับ ผมก็ตอบอย่างนี้ แต่ว่าวิธีการยังไงอันนี้เป็นทางของผมเองกับ ส.ส.เต้ ที่ต้องช่วยคุณแม่หาหลักฐานตรงนี้เพิ่มเติม
แต่ผลพิสูจน์ทนายเดชาเห็นว่าออกมาแล้วไม่พบคราบเลือดในเรือ คุณแม่ขอความช่วยเหลือผมมาอีกทีหนึ่ง ผมเองก็ต้องค้นหา ผมจะแคบเข้ามาแค่ผลตรวจเลือดเรือก็คงจะปรึกษาผู้ใหญ่ที่สูงกว่านี้ ซึ่งผมมีสำรองไว้เรียบร้อยแล้ว อีกอย่างหนึ่งที่ผมยังสงสัยอยู่ คำว่าสงสัยทำให้ผมเป็นเรื่องทุกที ยังหาคำตอบอยู่คือ กล้องหน้ารถของคุณแตงโมที่บันทึกภาพที่ผมส่งมอบ ก่อนหน้านี้ข่าวเคยออกไปแล้ว แต่ว่าพนักงานสอบสวนและพิสูจน์หลักฐานยังไม่ออกไปเอา คุณแม่โทร. มาประสานผมให้ไปเป็นตัวแทนแม่รับมอบวัตถุสิ่งนี้หน่อยแล้วส่งให้พิสูจน์หลักฐาน ผมเองก็ส่งมอบเรียบร้อย
ก่อนส่งมอบได้ดูไหม ?
ทนายกฤษณะ : ผมขอพนักงานเขาดูแล้ว แต่เขาบอกว่าดูไม่ได้เขาขอไว้ก่อน ถ้าผมรู้ก่อนนะอันนี้มันเป็นความผิดของผมเอง ตอนนี้ผลออกมาแล้ว ผมกำลังหาโอกาสไปพบท่านผู้กำกับทางตำรวจให้ความร่วมมือผมเป็นอย่างดี จริง ๆ สิ่งนี้ท่านบอกใช้เวลานานอีกพอสมควร แต่บังเอิญว่าท่านผู้บัญชาการภาค 1 ท่านสั่งเดี๋ยวนั้นเลย วันที่ผมไปนิติเวชให้โทร. หาเดี๋ยวนั้นเลยว่าหลักฐานนี้จะได้เมื่อไร ผมติดงานเคลื่อนย้านศพน้องไปที่ธรรมศาสตร์เลยขอเลื่อนท่าน โดนถอดตอนนี้ผมเลยไม่มีอำนาจที่จะเข้าไป ผมกำลังจะประสานกับท่านอีกทีหนึ่งว่าผมขอเข้าไปฟังได้ไหม
ตั้งแต่เริ่มต้นทำคดีจนถึงวันสิ้นสุดเวลาทั้งหมดเท่าไร ?
ทนายกฤษณะ : คุณแม่แต่งทนายผมวันที่ 7 มีนาหรือเปล่าผมจำไม่ได้ แต่คุณแม่เซ็นวันที่ทัวร์ลงรายการที่คุณแม่ไปออก พอออกอากาศเสร็จ 6 โมงกว่า ๆ คุณแม่โทร. หาผมให้ไปหาที่ห้างแห่งหนึ่งเซ็นกันตรงนั้นเลย ถ้าจำผิดต้องขออภัย มันเป็นเรื่องปกติของทนายความเรื่องการถอดถอน แต่ว่าอันนี้มันเป็นข่าวใหญ่ ทนายทุกคนเคยโดนหมดบางทีลูกความไม่ชอบ
ได้รับค่าใช้จ่ายจากคุณแม่มาบ้างไหม ?
ทนายกฤษณะ : คือจริง ๆ ผมเคยบอกคุณแม่ว่าคดีนี้ถ้าคุณแม่จะให้ผม ผมขอทำบุญให้กับน้องโมส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือแล้วแต่คุณแม่จะให้ ช่วงนี้คุณแม่ก็ให้ค่าน้ำมันรถค่าข้าวผมไปก่อน แต่ก็ไม่กล้าขอท่าน เพราะท่านก็มาช่วยในเรื่องของหนี้สิน เมื่อวานนี้คุณแม่ก็โทร. มาบอกว่าแม่ให้ค่าที่ทำคดีไม่ต้องคืนคุณแม่ ตอนแรกผมจะหามาคืนคุณแม่ กลัวจะเป็นปัญหาอีก แต่คุณแม่โทร. มายืนยันคุณแม่ไม่เอา คุณแม่ให้เป็นค่าว่าความ 35,000 บาท
ถ้าคุณแม่ดูอยู่ มีอะไรจะบอกคุณแม่ไหม ?
ทนายกฤษณะ : ก็ยังเคารพคุณแม่ครับ ทุกอย่างคุณแม่ก็ยังคุยกับผมตลอด คุณแม่ไม่ได้โกรธผม โทร. มาถามผม ผมก็บอกว่าไม่เคยโกรธเลย เค้าเหมือนคุณแม่ผมจริง ๆ ผมคิดซะว่าคุณแม่ด่าสักพักเดี๋ยวก็หาย ผมยังชื่นใจเลยคุณแม่โทร. มาหาผม คุณแม่ถามผมคำแรกว่ายังโกรธแม่ไหม ผมบอกไม่เคยโกรธเลยคุณแม่ผมไม่เคยคิดเรื่องพวกนี้แล้วมีแต่จะเดินหน้าหาหลักฐานมาช่วยน้อง
ตอนนี้ไปทำงานกับ ส.ส.เต้ ยังตามข่าวน้องอยู่ ?
ทนายกฤษณะ : ในใบแต่งตั้งให้ผมตามหาพยานหลักฐาน แถลงข้อเท็จจริง ในขอบเขตของการทำงาน
ก่อนสิ้นสุดการว่าความ แนวโน้มเรื่องจะเป็นยังไง ?
ทนายกฤษณะ : ผมพยายามอยากจะทำให้มันเป็นเจตนา ถ้าฆาตกรรมมันจะต้องดูให้ลึกมากกว่านี้ นักกฏหมายบางท่านอาจมองเป็นฆาตกรรม แต่ฆาตกรรมเนี่ยมันต้องหาหลักฐานหลายอย่าง ซึ่งถ้าเป็นการไตร่ตรองไว้ก่อนมันจะต้องมีการวางแผน อันนี้มันเหมือนฉุกละหุก แต่ตอนนี้คุณหมอพรทิพย์ท่านก็ยังสงสัยอยู่ว่าบาดแผลที่มันเกิดก่อนเนี่ยเกิดจากอะไร จากการพลิกศพดู วันนั้นผมก็ขัดคำสั่งแม่ จริง ๆ แล้วผมเองบอกผู้ใหญ่แล้วผมเข้าไม่ได้ แต่คุณหมอเขาให้ผมไปนั่งฟังได้ ผมไม่กล้าขัดคำสั่งท่านผมเลยเข้าไป ไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น เห็นว่าไม่ชอบตรงนี้ด้วยคุณแม่ผมเองก็ถือวิสาสะเข้าไป ผมเป็นทนายผมไม่เข้าไปผมมีความรู้สึกว่าแล้วผมจะไปซักเค้ายังไง เพราะผมเป็นโจทย์ร่วมกับอัยการ
สิ้นเดือนนี้ตำรวจจะปิดคดีเป็นอุบัติเหตุ ?
ทนายกฤษณะ : ผมคงยังไม่สามารถที่จะพูดได้ เพราะคุณแม่ขอไม่ให้ยุ่งในเรื่องของคดี แต่ตรงนี้ผมขอเป็นสรุปของท่านเดชาแล้วกันครับ
ผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจากไม่ได้เป็นทนายให้คุณแม่ ?
ทนายกฤษณะ : หลังจากที่มีการถอดถอนผมอย่างเป็นทางการแล้ว ผมเดินออกมายังคิดว่าจะไปไนต่อ ตัวเองก็มีงานที่รับว่าความไว้อยู่ อันดับแรกเลยคือความเชื่อมันของลูกความที่เรารับคดีมาทำก็โทรศัพท์มาสอบถามอยากจะเปลี่ยนใจด้วยซ้ำไป ผมบางส่วนมันกระทบพอสมควร หลังจากนั้นผมก็ได้ทราบข่าวว่าท่าน ส.ส.เต้ ประประกาศกลางคันผมตกใจเลยว่าท่านแต่งตั้งให้ผมเป็นที่ปรึกษากฏหมายของหัวหน้าพรรคก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อย
แต่ในช่วงนั้นกลับบ้านไปภรรยากับลูกเห็นข่าว ภรรยาบอกว่าลูกร้องไห้ตลอดเลย แฟนก็บอกว่าทำไมฉันไม่รู้เรื่องพวกนี้เลย เรื่องที่เค้าขุดคุ้ยผมขึ้นมา จริง ๆ ผมไม่อยากพูดถึงมันแล้ว ด้วยความที่เราเองก็ยอมรับไป ข่าวมันออกมาเหมือนผมเป็นหนี้หลายล้านมันไม่ใช่เลย คือจริง ๆ หนี้ผมมันแค่หลักแสน ผมไม่ทราบว่าไปทำอะไรให้ใครขุ่นเคืองถึงไปขุดคุ้ยขนาดนั้น ก็อยากจะบอกว่ามันมีผลกระทบกับครอบครัว แฟนผมไปทำงานแทบจะไม่อยากไปเลย ในที่สุดเขาก็ขอยื่นใบลาออกแต่ว่าทางผู้ใหญ่ก็ท้วงติงไว้ แต่ในการตัดสินใจคือเค้าตัดสินใจลาออกเหมือนเดิม
ลูกสาวสอบชิงทุน ?
ทนายกฤษณะ : เขาเรียนจบโรงเรียนเตรียมอุดม เขาได้ทุนเรียนฟรีมาตลอด เขาก็ไม่ได้อายเลย เขาบอกฐานะบ้านเราไม่ดีทางโรงเรียนก็ให้ทุนมาตลอด ทีนี้เค้าไปสอบทุน ก.พ. กับทุนคิง ทุนคิงนี่น้องไม่ได้ แต่น้องมาเข้ารอบ 5 คนสุดท้ายทุน ก.พ. ที่จะไปอังกฤษ น้องก็สัมภาษณ์ เค้าจะเลือกคนเดียว ก็รู้สึกมีความมั่นใจหลังจากสัมภาษณ์ออกมา หนูมั่นใจว่าหนูน่าจะได้ แต่พอมีข่าวออกไปลูกร้องไห้เลย
ลูกเข้าใจว่าเกิดขึ้นจากข่าวของคุณพ่อ ?
ทนายกฤษณะ : ลูกเข้าใจอย่างนั้น จริง ๆ ผมว่าน่าจะมีผล ตอนแรกลูกรับไม่ได้เลยปิดประตูร้องไห้ ส่วนแฟนผมด่าผมตลอด ขอหย่าด้วย ผมบอกถ้างั้นอย่าเสพสื่อเลยผมพยายามประคอง เหมือนกับที่เขาด่าเนี่ย ผมมาเข้าใจทีหลังว่าเขาเป็นห่วงผม ทำไมไม่บอกเขาตั้งแต่ตอนแรกเขาจะได้หาทางช่วยได้ ไม่อยากปล่อยให้มันมาถึงขนาดนี้ ด้วยความที่เราผู้ชายผมไม่บอกเขาเลย เลยเจอปัญหาแบบนี้ขึ้นมา แต่ตอนที่ผมเข้ามาทำคดีนี้คิดว่าต้องเจอใจผมคิดว่าผมเป็นทนายแล้วต้องใช้หนี้เขา ถ้าผมมีเงินผมจะกลับไปหาเขาทั้งหมดกระจายทุกคนให้จบ แต่ว่ามาเข้าคดีนี้แล้วผมเชื่อเลยว่าต้องมีมา ก็มาจริง ๆ
มีลูกหนี้มาทวงเงิน มีลูกหนี้มาให้กำลังใจด้วย ?
ทนายกฤษณะ : ตอนนี้ลูกหนี้ทุกคนที่ออกรายการ โทร. มาให้กำลังใจผมหมดทุกคนเลย
ให้กำลังใจลูกยังไงพลาดทุน ?
ทนายกฤษณะ : ลูกเข้ามากอด เขาดูโซเชียลฟีดแบ็กกลับมามันดีขึ้น ลุกก็เลยบอกว่า ป่าป๊าสู้ ๆ ผมชอบคำนี้ของลูกมาก บอกว่า ป่าป๊าสู้ ๆ นะ เดี๋ยวหนูจะเรียนนิติไปขอทุนตอนปี 3 ก็ได้ แต่ตอนนี้เขาหันมาอยากเรียนนิติ เขาบอกอยากมาช่วยพ่อ
มีประโยคลูกสาวคนเล็กพูดกับคุณพ่อด้วย ?
ทนายกฤษณะ : เขาบอกว่าคุณพ่อเองก็ไม่ต้องไปดูสื่ออะไรให้มากนะ คุณพ่อก็บางอย่างอย่าพูดมากให้เซฟ ๆ ตัวเองด้วย กลัวความปลอดภัย
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้จะมาทำคดีนี้ไหม ?
ทนายกฤษณะ : ผมยืนยันว่าผมทำ อะไรดลบันดาลใจผมไม่รู้ผมจะพกรูปเขาตลอดเวลาในการทำคดี บางทีผมคิดอะไรไม่ออกผมจะลูบหน้าน้องเขา บอกโมช่วยพี่ด้วยเถอะเพราะพี่หาหลักฐานอะไรไม่ได้เลยตอนนี้ สักพักมันก็จะมีอะไรให้ผมค้นหาได้ แต่มันก็ความเชื่อส่วนบุคคล น้องจะอยู่ในเสื้อสูทผมตลอด ผมไปว่าความเมื่อเช้าผมก็ติดไปตลอด