วันนี้ 10 ก.พ. 2565 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า เดินทางไปพบกับ นายสุรเชษฐ์  กังลี่ อายุ 37 ปี บริเวณสนามยิงธนู ซึ่งเปิดเป็นบ้านที่ใช้ประกอบอาหารน้องหมา เพียงอย่างเดียว ส่วนอาหารคนเลิกขายไปแล้ว นอกจากนี้ได้เปิดเป็นสำนักงานขายรถยนต์มือสอง รวมถึงเป็นสำนักงานทัวร์นำเที่ยว อยู่ในพื้นที่เดียว จากที่เฝ้าสังเกตุแล้วพบว่านายสุรเชษฐ์ อยู่เพียงคนเดียว บริหารงานทุกอย่างเพียงคนเดียว  เมื่อถึงเวลา 13.00 น. ก็หันเข้าครัวประกอบอาหารน้องหมา ต้องอึ้งเห็น นายสุรเชษฐ์ บริหารงานแบบสบายๆ ชิวๆ โดยใช้เวลาประกอบอาหารน้องหมาประมาณ ไม่ถึง 1 ชั่วโมง ในครัว กับอาหารสำเร็จแล้วนำมาประกอบให้สุกป้องกันอาหารเป็นพิษ นายสุรเชษฐ์ ได้บอกว่าจริงๆแล้วการประกอบอาหารน้องหมาจะสะอาดกว่าของคนเสียอีก ต้องใส่ใจไม่เช่นนั้นหากน้องหมาเกิดป่วยจากอาหารเราจะทำให้เสียชื่อ เสียลูกค้าได้

 

นอกจากทำสนามยิงธนูก็ปล่อยลูกค้ายิงตามสบายๆ คิดเป็นชั่วโมง ขายรถยนต์มือสองก็ต้องรอจังหวะมีคนสนใจเดือนก็ขายได้ 2-3 คัน สำหรับทัวร์นำเที่ยวช่วงนี้ก็ต้องยอมรับสภาพ เพราะเจอปัญหาโควิด 19 เงียบไปเลยแบบไม่ต้องพูด เราเฝ้าดูการทำงานของหนุ่มสุรเชษฐ์ คนนี้อายุแค่นี้บริหารงานได้มากมาย การรับผิดชอบสูงมากๆ ทุกๆอย่าง โดยเฉพาะห้องครัว สนามยิงธนู ดูสะอาดตาไปทั้งหมด

นายสุรเชษฐ์ บอกว่าจากชีวิตเป็นลูกแม่ค้าขายข้าวแกง ส่งให้เรียนจนจบปริญญา เห็นแม่ขายข้าวแกงมาตลอด ตรงจุดนั้นจึงคิดเปลี่ยน หันเหชีวิตจากที่เห็นแม่ขายข้าวแกงคนกิน ตนเองจึงคิดพลิกรูปแบบมาทำอาหารน้องหมาขาย เดิมทีนำไปตั้งขาย คู่กับ อาหารคน มีลูกค้าเดินผ่านก็ได้ล้อกันว่าจะกินแบบไหนดี  จนปัจจุบันได้เลิกขายอาหารคนกิน หันมาทำอาหารน้องหมาเต็มรูปแบบ ส่วนมารดา ให้หยุดขายมาเลี้ยดูงลูกของตนเอง ซึ่งเป็นหลานแทน อาหารน้องหมาสร้างรายได้ดีสามารถเลี้ยงครอบครัวได้ดีมาก ๆ แต่ละวันขายได้ไม่ต่ำกว่า 10 กิโลกรัม ที่ปรุงเสร็จแล้วใส่ถุงรอส่งให้ลูกค้า และนำไปตั้งในตลาดนัดบางส่วน