"ผู้ใหญ่บ้าน" พร้อมชาวบ้านห้วยน้ำขาว บุกกุฏิทวงถาม กรณีที่ทุบโบสถ์ที่อ้างว่าไม่ปลอดภัย พร้อมขอดูรายรับ – รายจ่าย
13 ม.ค. 2565, 09:18
จากกรณีอดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านห้วยน้ำขาว ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสโดยไม่มีการแจ้งบอกชาวบ้านให้รับรู้ และยังทิ้งโบสถ์ที่สร้างขึ้นใหม่ที่ยังไม่แล้วเสร็จ หลังอดีตเจ้าอาวาสทุบโบสถ์เก่าทิ้งไปทั้งที่ชาวบ้านคัดค้าน พร้อมขอตรวจสอบบัญชีรายรับ-รายจ่ายของวัดโดยก่อนหน้านี้ทางเจ้าคณะอำเภอเมืองกาญจนบุรี พร้อมรองเจ้าคณะฯ เจ้าคณะตำบล ผอ.สำนักพุทธฯกาญจนบุรี ร่วมเจรจาหารือกับผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 และชาวบ้านหมู่ 2 ตำบลบ้านเก่า อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี โดยในที่ประชุมแจ้งว่าขอเวลา 3 วัน จะนำเอกสารมาแจ้งให้ทราบ ล่าสุดผู้ใหญ่บ้าน พร้อมชาวบ้านรวมตัวบุกไปที่กุฏิเจ้าคณะอำเภอ เพื่อทวงถาม แต่ได้รับคำตอบว่าให้ไปถามสำนักพุทธฯ
วันนี้ 6 มกราคม 2565 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ที่บริเวณวัดไชยชุมพลชนะสงคราม หรือวัดใต้ ตำบลบ้านใต้ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี นายพากภูมิ เมฆประยูร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ตำบลบ้านเก่า นายธนายุทธ พินิจมนตรี ปลัดอำเภอเมืองกาญจนบุรีพร้อมตัวแทนกลุ่มชาวบ้านประมาณ 30 ราย ได้เดินทางเพื่อไปของทวงถามความคืบหน้ากรณีที่ในวันที่ 5 ม.ค. 2565 ที่ผ่านมา ทางเจ้าคณะอำเภอเมือง ได้เข้าร่วมประชุมหาข้อยุติกรณีที่อดีตเจ้าอาวาสได้ทุบโบสถ์ ทิ้ง อ้างว่าไม่ปลอดภัย แต่ชาวบ้านได้เข้าไปตรวจสอบแล้วพบว่า เสาร์โบสถ์ คลานหลังคา และอื่นๆ ยังอยู่ในสภาพปกติ หากมีการบูรณขึ้นก็จะสามารถใช้ปฏิบิติศาสนกิจพิธีให้กับชุมชนได้ แต่ทางอดีตเจ้าได้ทำการทุบทำลายไปเกือบทั้งหลัง แล้วเตรียมจะมีการสมทบทุนสร้างโบสถูแห่งใหม่ ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกัน แต่เมื่อถูกชาวบ้านคัดค้าน อดีตเจ้าอาวาสได้ขอลาออกจากวัดไปดื้อๆ โดยไม่บอกกล่าวกับชาวบ้านทิ้งร้างทำให้ชาวบ้านไม่มี พระอุโบสถ ซึ่งที่ใช้ประกอบศาสนพิธีต่างๆ เช่น การเวียนเทียน การสวดมนต์ การทำสมาธิ การอุปสมบท ประกอบกิจกรรมทางพระพุทธศาสนา ได้ต่อไป ชาวบ้านถึงต้องเข้าไปทวงถามเรื่องดังกล่าว
และจากการที่ผู้ใหญ่บ้านพร้อมชาวบ้านเดินทางไปทวงถามเจ้าคณะอำเภอ ถึงกุฏิในครั้งนี้ ทำให้เจ้าคณะอำเภอเมือง ถึงกับบอกว่าทำไมผู้ใหญ่ต้องพาชาวบ้านมามากขนาดนี้ ผู้ใหญ่มาเพียงคนเดียวก็พอ แต่ชาวบ้านแจ้งว่าต้องการทราบจึงพากันเดินทางมา และก็ได้รับคำตอบจากเจ้าคณะอำเภอเมือง ผู้ดูแลวัดบ้านห้วยน้ำขาว ว่า โบสถ์มันทรุดโทรมหากเกิดแผ่นดินไหว ก็อาจจะพังลงมาได้ทั้งๆ ที่จริงแล้วไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลย ชาวบ้านได้สอบถามว่าเรื่องรายรับ รายจ่าย ของวัดตามที่เจ้าคณะอำเภอได้แจ้งขอเวลา 3 วัน โดยในที่ประชุมตั่งแต่วันที่ 5 ม.ค. 2565 มันล่วงเลยแล้วแต่ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน ชาวบ้านจึงได้พากันมาทวงถามด้วย ทางเจ้าคณะอำเภอแจ้งว่า เอกสารทั้งหมดได้มอบให้กับทาง น.ส.นันทิรา ขวัญเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี หมดแล้วทางชาวบ้านที่ไปดูสภาพเช่นนี้แล้วคล้ายกับการโยนเรื่อง จึงได้ทำหนังสือไปร้องกับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อให้ช่วยติดตามเรื่องอีกทาง
ต่อมาผู้ใหญ่บ้านพร้อมชาวบ้านได้เดินทางยังศาลากลางจังหวัดกาญจนบุรี ได้มีเจ้าหน้าที่จากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วย น.ส.นันทิรา ขวัญเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี ออกมารับหนังสือจากกลุ่มชาวบ้านเพื่อเสนอให้กับทางผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ช่วยดำเนินการเร่งรัดอีกทางเพื่อความรวดเร็วเป็นที่พอใจกับชาวบ้านห้วยน้ำขาวต่อไป
สำหรับชาวบ้านได้พาสื่อมวลชนเดินทางไปตรวจดูสภาพโบสถ์ ที่ทิ้งร้างเหลือแต่เสาร์และโครงหลังคาโบสถ์ เท่านั้น โดยรักษาการณ์เจ้าอาวาสไม่ได้อยู่ที่วัดเนื่องจากติดกิจนิมนต์ไปต่างจังหวัด ชาวบ้านได้พาดูวัสดุประตูโบสถ์ที่ยังสมบูรณ์ถูกกองทิ้งรวมไว้ รวมถึงรูปหุ่นขี้ผึ้งอดีตเจ้าอาวาส สมัยที่สร้างพระอุโบสถ รวมถึงวัดแห่งนี้ขึ้นมา ได้ถูกนำไปตั้งทิ้งบริเวณหน้าห้องน้ำ ทำให้ชาวบ้านได้พบเห็นถึงกับต่อว่าทำไมอดีตเจ้าอาวาสที่หนีไปจำวัดอยู่ในจังหวัดนนทบุรี ถึงทำกันถึงขนาดนี้ โดยชาวบ้านบอกว่าก่อนหน้านี้ได้อยู่บนศาลา แต่ถูกนำลงมาตั้งไว้ในที่ไม่เหมาะสม ชาวบ้านบอกจะต้องจัดพิธีแห่ไปรอบๆ ชุมชนก่อนนำไปตั้งประดิษฐานไว้บนศาลาที่เหมาะสมต่อไป
โอกาสนี้ น.ส.นันทิรา ขวัญเมือง ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดกาญจนบุรี เปิดเผยว่า ช่วงก่อนหน้านี้ทางอดีตเจ้าอาวาสที่ไปอยู่ที่จังหวัดนนทบุรีได้นำหลักฐานมาส่งมอบให้กับทาง เจ้าคณะอำเภอ โดยตนเองได้เดินทางไปร่วมรับทราบด้วย พร้อมได้แจ้งไปว่าได้แจ้งไปว่าขอให้ส่งเอกสารตามที่ประชาชนต้องการทราบให้ครบเป็นการเร่งด่วนด้วย โดยทาง ผอ.สำนักพุทธฯ แจ้งว่าวัดเป็นนิติบุคคลตนเองก็ไม่สามารถจะไปก้าวล่วงได้มากนัก จะทำเท่าที่ทำได้ หากประชาชนต้องการสิ่งใด ตนเองก็จะเป็นคนประสานให้เป็นที่ชาวบ้านพอใจ ขอให้แจ้งมา ส่วนหลักฐานที่เหลือตนเองได้แจ้งให้เร่งส่งมาให้ครบโดยเร็วแล้ว
สำหรับนายพากภูมิ เมฆประยูร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 2 ตำบลบ้านเก่า ซึ่งเป็นตัวแทนชาวบ้านได้กล่าวว่า เมื่อชาวบ้านต้องการทราบถึงรายรับ รายจ่าย ตั้งแต่ปี 2562 ถึง 2564 รวมแล้วประมาณกว่า 10 ล้านบาท นั้นไปอยู่ที่ไหน รวมถึงกรณีที่ทำการทุบโบสถ์ จนชาวบ้านไม่มีสถานที่ปฏิบัติศาสนกิจในชุมชน ตนในฐานะผู้นำท้องถิ่นก็ต้องเดินทางออกไปทวงถามให้กับชาวบ้านได้หายข้อข้องใจ เพื่อให้ชาวบ้านต้องได้รับความเป็นธรรม อีกทั้งต้องการสอบถามไปยังผู้ที่มีจิตศรัทธาได้ร่วมทำบุญกับอดีตเจ้าอาวาส หรือมาร่วมสร้างพระอุโบสถของวัดบ้านห้วยน้ำขาว หากท่านเจ้าภาพได้เห็นข่าวแล้วขอให้ท่านแจ้งข้อมูลมาได้ที่วัดตามหมายเลข 063 – 1926259 และในครั้งนี้ตนเองรวมถึงชาวบ้านทั้งหมดได้เดินทางไปทวงถามเจ้าคณะอำเภอ ตามที่ได้ประชุมร่วมกันเมื่อวันที่ 5 ม.ค. ที่ผ่านมาว่าจะนำเอกสารมาให้ชาวบ้านได้เห็นสรุปแล้ววันนี้ก็ยังไม่ได้รับเอกสารใดๆ ทั้งสิ้น จึงได้มีการปรึกษากับชาวบ้าน ก่อนทำเรื่องไปส่งให้กับทางศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดกาญจนบุรี อีกทางเพื่อให้ช่วยเร่งรัดติดตามเรื่องนี้ให้ชาวบ้านห้วยน้ำขาวได้รับความเป็นธรรมต่อไป