เมื่อวันที่ 8 ม.ค. 65 นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กำชับสำนักงานพาณิชย์จังหวัด 76 แห่งทั่วประเทศติดตามสถานการณ์ราคาสินค้าเนื้อหมู ที่มีการจำหน่ายให้กับประชาชนผ่านทั้งห้างสรรพสินค้าและตลาด ซึ่งได้รับการรายงานจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดว่า ราคาหมูเนื้อแดงกิโลกรัมละ 160-200 บาท

นางมัลลิกา กล่าวต่อว่า หลังการประกาศคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการประกาศใช้ โดยห้ามส่งออกหมูเป็น (สุกรมีชีวิต) ใน 3 เดือนนี้ เพื่อเพิ่มปริมาณหมูเป็นในการบริโภคภายในประเทศ นายจุรินทร์ได้สั่งให้ตรวจรายงานสต๊อกหมูแต่ละแห่ง จากนั้นให้ทีมตรวจและพาณิชย์จังหวัดทั่วประเทศสำรวจเขียงหมู และการเพิ่มปริมาณเนื้อหมูในตลาดระหว่างนี้

นางมัลลิกา กล่าวว่า สถานการณ์ปัจจุบัน สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยพาณิชย์จังหวัดได้รายงานเรียลไทม์พบว่าประชาชนที่เข้ามาเลือกซื้อเนื้อสุกรชำแหละ ส่วนใหญ่นำไปปรุงอาหารสำเร็จรูปเพื่อจัดจำหน่ายและบริโภคตามปกติ ซึ่งผู้ประกอบการการค้ายังไม่ได้ปรับราคาอาหารปรุงสำเร็จขึ้น แต่เขาหันมาใช้วัตถุดิบจากเนื้อสัตว์ประเภทอื่น อาทิ เนื้อปลา เนื้อไก่ ทดแทนเนื้อสุกรเพิ่มมากขึ้นเป็นทางเลือก

ทั้งนี้ นายจุรินทร์ สั่งการให้ดำเนินโครงการ พาณิชย์ลดราคาหมู! ช่วยประชาชน (ครั้งที่ 2) ต่อเนื่องจากครั้งแรกที่ได้ดำเนินโครงการในช่วงเดือน พ.ย. 2564 เพื่อลดภาระค่าครองชีพและบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนช่วง 1 เดือนนั้นแต่ให้ทำอีกเพื่อเป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วน ช่วยให้ประชาชนมีช่องทางในการเลือกซื้อเนื้อหมูราคาถูกกว่าท้องตลาด ประชาชนสามารถเลือกซื้อหมูเนื้อแดงราคา 150 บาทต่อกิโลกรัมได้ โดยเช็กจุดจำหน่ายกับสำนักงานพาณิชย์จังหวัดในเขตที่ท่านอาศัยอยู่ได้ ทั้งหมด 667 หน่วยบริการ

สำหรับกรุงเทพมหานครมี 116 หน่วยบริการ แยกเป็นรถโมบายตระเวนตามพื้นที่ 50 คัน ตั้งจุดบริการ 50 แห่ง รวมสมาคมอีก 16 แห่ง ส่วนต่างจังหวัด 551 แห่ง รวมเป็น 667 หน่วยบริการ ให้พาณิชย์จังหวัดประสานงานกับตลาดหรือสถานที่จัดโครงการขึ้นจนถึงสิ้นเดือนม.ค. 2565 เนื่องจากโครงการมีต่อเนื่องจากเดิมบางจังหวัดจึงถึงวันที่ 15 ม.ค. แต่ให้ต่ออายุจะถึงสิ้นเดือนเหมือนกันทั้งหมดหรือจนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย ทั้งนี้ เป็นมาตรการเสริมเพื่อเป็นทางเลือกให้กับประชาชนนอกเหนือจากมาตรการอื่นอีกให้เป็นไปตามนโยบายของนายจุรินทร์”