ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า "ทับเที่ยง" ชุมชนกลางจังหวัด ในเขตเทศบาลนครตรัง นับเป็นเมืองหนึ่งที่มีวิถีและวัฒนธรรมอันเก่าแก่ยาวนานมากว่า 100 ปีแล้ว โดยเฉพาะอาคาร บ้านเรือน สถาปัตยกรรม ศิลปะภาพวาด และประติมากรรม ซึ่งสามารถมาสัมผัสได้ตลอดทั้งปี ภายใต้การสนับสนุนของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานตรัง ด้วยกิจกรรมที่ชื่อว่า "เที่ยวอย่างฟิน กินอย่างสุนทรีย์"  จึงทำให้มีนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สนใจที่จะเดินทางมาเยือนแม้ในยามหน้าฝน อันเนื่องมาจากความสวยงามโดดเด่นของเมืองแห่งนี้ในระดับภาคใต้

ข้อมูลจากแผนที่มรดกทางวัฒนธรรมเมืองทับเที่ยง ซึ่งจัดทำโดยสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เมื่อปี 2548 ได้รวบรวมอาคารเก่าแก่ในเขตย่านใจกลางจังหวัดตรัง 141 หลัง ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการนำเอาความเป็นตะวันตกและตะวันออก มารวมเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน แถมยังแฝงไปด้วยคุณค่าทางประวัติศาสตร์อันน่าสนใจ โดยยังปรากฏพบเห็นได้บนถนนหลายสาย เช่น ถนนราชดำเนิน พระรามหก กันตัง ขณะที่อาคารเก่าแก่หลายหลังก็มีการปรับปรุงให้ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมแนวโมเดิร์นอย่างลงตัว

ขณะเดียวกันเมืองทับเที่ยง ก็ยังมีประติมากรรมที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง โดยเฉพาะหอนาฬิกา อีกหนึ่งแลนค์มาร์คสำคัญ ซึ่งเดิมเป็นที่ตั้งหอกระจายข่าวของเทศบาลเมืองตรัง หรือที่ชาวบ้านมักจะเรียกกันว่า "หอแหลงได้" ต่อมาเมื่อ พ.ศ. 2504 ได้มีการสร้างหอนาฬิกาขึ้นแทน โดยมีความสูง 15 เมตร และมีฐานกว้าง 6 เมตร แต่ที่ดูแปลกกว่าหอนาฬิกาของจังหวัดอื่นๆ จนกลายเป็นเอกลักษณ์ก็คือ ส่วนยอดของหอนาฬิกาเมืองตรัง จะมีความกว้างกว่าฐานด้านล่าง ซึ่งปัจจุบันได้เป็นจุดนัดพบและสถานที่จัดงานเทศกาลสำคัญต่างๆ

อีกที่หนึ่งซึ่งนักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดสำหรับการไปชมและถ่ายภาพก็คือ "น้ำพุพะยูน" ที่ตั้งอยู่หน้าจวนผู้ว่าฯ บนถนนพัทลุง โดยประติมากรรมชั้นล่างสุดจะเป็นพะยูน สัตว์อนุรักษ์คู่จังหวัดตรัง ส่วนชั้นถัดไปจะเป็นม้า กับนางเงือก และชั้นบนสุดเป็นมโนราห์ ซึ่งได้มีการตกแต่งแสงสีอย่างสวยงาม นอกจากนั้นรอบตัว "เมืองทับเที่ยง" ยังมีการสร้างสรรค์ศิลปะภาพวาดไว้ตามสถานที่ต่างๆ และสามารถสะท้อนเรื่องราวของจังหวัดได้เป็นอย่างดี อาทิ ดอกศรีตรัง ต้นไม้ประจำเมือง รถตุ๊กตุ๊กหัวกบ พะยูน รวมทั้งอาชีพ หรือวิถีของเมืองเก่าแห่งนี้