นายทนนท์ กล่าวว่า ก่อนหน้านั้นพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งมีอยู่ประมาณ 5 ไร่กว่า ตนเองได้ทำการลงผลผลิตมะพร้าว แต่พบว่าในปี 2558-2559 ได้ถูกสถานการณ์ภัยแล้งขึ้น ทำให้ผลผลิตได้รับความเสียหายทั้งหมด ตนเองจึงได้เข้าทำการศึกษาในเรื่องของ การปลูกไผ่สู้ภัยแล้งและพบว่ามีภัยอยู่สองชนิดที่มีคนนิยมปลูกกันเป็นจำนวนมากคือไผ่กิมจูและไผ่บงหวาน 1000 เพชรน้ำผึ้งดังกล่าวโดยไผ่กิมจู นั้นจะมีผู้นิยมปลูกกันเป็นจำนวนมาก ตนเองเลยหันมาปลูกไผ่บงหวานเพชรน้ำผึ้ง โดยเริ่มต้นที่ 300 ต้น ใช้ระยะเวลา 8 เดือน ก็สามารถเก็บผลผลิตได้ นอกจากนั้น 6 เดือน ยังสามารถเก็บต้นลำออกจำหน่ายได้ และผลผลิตเป็นที่ต้องการของตลาดมากจนไม่สามารถผลิตได้ทัน ต่อมาจึงได้ขยายพื้นที่ปลูกเป็น 600 ต้นโดยจะจำหน่ายหน่อไผ่บงหวานดังกล่าวในราคากิโลกรัมละ 80 บาทซึ่งในแต่ละปีก็สามารถเก็บผลผลิตได้เฉลี่ยแล้วมากกว่า 1 ตัน ขึ้นไปทำให้มีรายได้ต่อปีมากกว่า 100,000 บาท เนื่องจากหน่อ ไผ่บงหวานดังกล่าวนั้นมีคุณสมบัติที่สามารถกินทั้งดิบและสุกได้นอกจากนั้นยังมีรสชาติที่อร่อยกรอบ จึงเป็นที่นิยมตลาดมาก