"ทหารหึงโหด" ชักปืนยิงเมีย 8 นัด ต่อหน้าแม่ยาย ก่อนหนีไปยิงตัวเองดับ
9 ธ.ค. 2564, 16:46
เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 9 ธ.ค. 64 พ.ต.อ.นรินทร์ บุพตา ผกก.สภ.กันทรลักษ์ ได้รับแจ้งจาก ศูนย์วิทยุ สภ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษว่า ได้รับแจ้งเหตุมีผู้ถูกยิงเสียชีวิต ที่บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอกันทรลักษ์ จึงได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบและได้สั่งการให้ ร.ต.อ.ภาคิน ขันติวงศ์ ร้อยเวรสอบสวน สภ.กันทรลักษ์ พร้อมด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.กันทรลักษ์ และชุดสืบสวนออกไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ โดยมีนายสุกิจ เหลืองสกุลไทย นายอำเภอกันทรลักษ์ ไปร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุด้วย เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบว่า มีผู้ถูกยิงเสียชีวิตทราบชื่อภายหลังว่าคือ น.ส.เชาวนี อายุ 34 ปี ถูกยิงเสียชีวิตอยู่ที่บริเวณเบาะที่นั่งด้านคนขับรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้าสีขาว หมายเลขทะเบียน ผค 4269 จังหวัดอุบลราชธานี ถูกยิงด้วยอาวุธไม่ทราบขนาดเข้าที่บริเวณศีรษะตามลำตัว รวม 8 นัด ปลอกกระสุนปืนเกลื่อนบริเวณ และสืบทราบว่าผู้ก่อเหตุซึ่งแต่งเครื่องแบบทหารเต็มยศมีอาวุธปืนไม่ทราบสังกัด ได้ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงผู้ตาย จากนั้น ได้ขับขี่รถยนต์ยี่ห้อ ฟอร์ด สีแดง หลบหนีไป
พ.ต.อ.นรินทร์ บุพตา ผกก.สภ.กันทรลักษ์ จึงได้สั่งการให้ พ.ต.ท.ภทรธร ชญาธนานันท์ สว.สส.สภ.กันทรลักษ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ออกติดตามคนร้ายและได้วิทยุแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจและเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรสกัดจับ จนพบเห็น รถยนต์คันดังกล่าวขับขี่มาจอดอยู่ที่หน้าที่ศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ฝั่งตะวันออก พ.ต.ท.ภทรธร จึงได้สั่งเจ้าหน้าที่ล้อมรถยนต์คันดังกล่าวแต่ไม่พบ บุคคลใดภายในรถยนต์ แต่มีประชาชนเห็นชายแต่งเครื่องแบบทหารถือปืนวิ่งลงจากรถยนต์ขึ้นไปภายในบริเวณศาลหลักเมืองกันทรลักษ์ จากนั้นได้ยินเสียงปืนดังขึ้นจำนวน 1 นัด พ.ต.อ.นรินทร์ บุพตา ผกก.สภ.กันทรลักษ์ ได้สั่งการให้กำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนปิดล้อมบริเวณศาลหลักเมือง และได้เรียกให้บุคคลที่อยู่ด้านในออกมาแต่ไม่มีสัญญาณตอบรับแต่อย่างใด จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปิดล้อมได้สังเกตเห็นมีชายในแต่งกายเครื่องแบบทหารนอนนิ่ง จึงได้เข้าไปตรวจสอบปรากฎว่ามีรอยถูกกระสุนยิงที่บริเวณศีรษะนอนเสียชีวิต ทราบชื่อภายหลังว่า ชื่อนายประยงค์ สมพงษ์ อายุ 34 ปี บ้านเลขที่ 91 ม.7 ตำบลกระแชง อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ตรวจสอบพบปลอกกระสุนปืนขนาด 9 มม.จำนวน 1 นัด มีรอยถูกยิงที่บริเวณศีรษะพร้อมกำปืนนอนจมกองเลือด
จากการตรวจสอบเบื้องต้น นางถวิล อารีย์ อายุ 59 ปี เล่าด้วยน้ำตานองหน้าว่า ก่อนเกิดเหตุ ตนพร้อมด้วย น.ส.เชาวนี อายุ 34 ปี ผู้ถูกยิงเสียชีวิต ซึ่งเป็นลูกสาวของตน ได้เดินทางกลับมาจากกรุงเทพฯ เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ได้มาบอกกับตนว่า ไม่สามารถที่จะอยู่กินฉันสามีภรรยากับนายประยงค์ สมพงษ์ อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นอาสาสมัครทหาร อยู่ที่กรุงเทพฯ ได้ หลังจากที่ได้จดทะเบียนสมรสกันได้นาน 8 เดือน ที่สำนักทะเบียนดอนเมือง กรุงเทพฯ จึงได้นัดหมายกันมาจดทะเบียนหย่ากันที่ที่ว่าการ อ.กันทรลักษ์ แต่เมื่อมาถึงที่ว่าการ อ.กันทรลักษ์ ฝ่ายชายไม่ยอมหย่า อีกทั้งอยู่ในระหว่างการรอคิวในการดำเนินการ จึงได้เกิดมีปากเสียงกัน ตนพร้อมด้วย น.ส.เชาวนี จึงได้เดินลงจากที่ว่าการอำเภอมาที่รถยนต์ที่จอดอยู่ เพื่อที่จะขับขี่ออกจากอำเภอ และปรากฏว่า นายประยงค์ ได้เดินไปเอาอาวุธปืนที่อยู่ในรถยนต์ฟอร์ด ออกมายิง น.ส.เชาวนี จำนวน 8 นัด ต่อหน้าตน จากนั้น นายประยงค์ไปขับขี่รถยนต์หลบหนีไป
ทางด้านนายสันติชัย อารีย์ อายุ 63 ปี เป็นพ่อของ น.ส.เชาวนี เล่าว่า ลูกสาวได้โทรศัพท์มาบอกกับตนว่า นายประยงค์จะเป็นคนหึงมาก ช่วงที่อยู่กินด้วยกัน นายประยงค์จะขังลูกสาวของตนไว้ในห้องไม่ยอมให้ออกไป พูดกับใครก็ไม่ได้ ทำให้ลูกสาวของตนมีความคับแค้นใจกับพฤติกรรมหึงหวงของนายประยงค์เป็นอย่างมาก จะกลับมาเยี่ยมพ่อแม่ก็ไม่ได้ หากกลับมาบ้านเยี่ยมพ่อแม่ นายประยงค์ก็จะรีบมาตามกลับไป ลูกสาวของตนบอกว่าคงจะไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้ จึงได้หนีกลับมาบ้านและขอหย่าขาดจากนายประยงค์ ซึ่งในวันนี้ นายประยงค์ได้แต่งเครื่องแบบทหารมาด้วย ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุยิงลูกสาวของตนแบบนี้ ซึ่งตนและครอบครัวเสียใจมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วย ผกก.สภ.กันทรลักษ์ จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองพิสูจน์หลักฐาน จ.ศรีสะเกษ พร้อมแพทย์ ฝ่ายปกครอง อัยการ ร่วมกันตรวจที่เกิดเหตุและเก็บพยานพยานหลักฐาน เพื่อประกอบการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป