วันที่ 7 ธ.ค.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ซอยหลักแกะ หมู่ 5 ตำบลครน อ.สวี จ.ชุมพร  ชาวเกษตรกรสวนทุเรียนพันธุ์หมอนทองและคนงานตัดผลทุเรียนใส่รถจักรยานยนต์พ่วงข้างลำเลียงใส่ในเรือไฟเบอร์ขับฝ่าพื้นที่น้ำท่วมระยะทางประมาณ 300-400 เมตรเพื่อขนขึ้นฝั่งส่งขายแผงรับซื้อกันอย่างทุลักทุเล

น.ส.ศิริรัตน์  หรือแอน อายุ 41 ปี เจ้าของสวนทุเรียนพันธุ์หมอนทอง  เล่าว่า บริเวณน้ำท่วมดังกล่าวเป็นพื้นที่สูงมีหุบเขาล้อมรอบ ปีนี้ฝนตกหนักเกิดน้ำท่วมเป็นครั้งที่สองของปีนี้ เริ่มท่วมครั้งแรกเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน เดือนที่แล้ว

ต่อมาทางศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 จังหวัดสุราษฎร์ธานีนำเครื่องสูบน้ำมาสูบให้ พอน้ำทำท่าจะแห้งเกิดน้ำท่วมใหญ่อีกเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ทำให้สวนทุเรียนในพื้นที่ได้รับความเสียหายคือยืนต้นตาย เกือบ 40 ไร่ ทั้งหมดประมาณ 10 ราย

ในส่วนของน.ส.ศิริรัตน์ มีต้นนทุเรียนอายุ 2 ปี ยืนต้นตายประมาณกว่า 70 ต้น มูลค่าความเสียหายเป็นเงินหลักล้านบาท  รวมไปถึงบางรายต้นทุเรียนมีอายุ 6-7 ปี สามารถเก็บผลผลิตได้แล้ว แต่กลับมายืนต้นตายก็เยอะ แต่ส่วนใหญ่ที่ยืนต้นตายอย่างที่เห็นคืออายุ 4-5 ปีตายแน่นอน โดยลำต้นและใบเหี่ยวร่วง หลังจากน้ำลดต้องปรับพื้นที่เพาะปลูกกันใหม่

ทั้งนี้ นอกจากมีต้นทุเรียนยืนต้นตายแล้วสังเกตว่ายังมีพืชอื่นๆเช่นกล้วย มีสภาพใบแห้ง แดงเกือบทั้งหมดในพื้นที่น้ำท่วม นอกจากเกษตรกรจะมีผลกระทบเรื่องพืชผลทางการเกษตรแล้ว การเดินทางก็ยังยากลำบากเนื่องจากมีทางเข้าออกเพียงทางเดียวเมื่อเกิดปัญหาน้ำท่วมก็ต้องมาใช้เรือในการสัญจรด้วย