จากกรณีพล อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มอบนโยบายให้พื้นที่จังหวัดที่มีแนวชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้าน ให้เฝ้าระวังป้องกันการลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยผิดกฎหมายเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และป้องกันการค้ามนุษย์ ซึ่งจังหวัดกาญจนบุรี เป็น 1 ในจังหวัดที่มีชายแดนติดกับประเทศเมียนมาเป็นระยะทาง 317 กิโลเมตรมีช่องทางเข้าออก 43 ช่องทาง โดยนายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี พล.ต.บรรยง ทองน่วม ผบ.พล.ร.9/ผบ.กกล.สุรสีห์ พล.ต.ต.ไพโรจน์ คุ้มภัย ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี ได้รับนโยบายและสั่งการเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในแต่ละสังกัดปฏิบัติหน้าที่ตามนโยบายดังกล่าวอย่างเคร่งครัด

วันที่ 22 พ.ย.64 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า  เจ้าหน้าที่กองกำลังสุรสีห์ นำโดย หน่วย ฉก.ลาดหญ้า ได้รับการเเจ้งข้อมูลจาก ประชาชนในพื้นที่ อ.ไทรโยค เเละ เจ้าหน้าที่ทหารชุดปฏิบัติการข่าว กกล.สุรสีห์ ว่าจะมีขบวนการนำพาผู้ลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยใช้ช่องทางบ้านบ้องตี้ หมู่ 1 ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี

หลังจากได้รับแจ้งจังสนธิกำลังร่วมกับ เจ้าหน้าที่ทหารชุดหมวดลาดตระเวนป้องกันชายแดน เจ้าหน้าที่ ร้อย.ตชด.136 เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ไทรโยค เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.ไทรโยค เเละ เจ้าหน้าที่สาธารณะสุข ลงพื้นที่หาข่าวและตั้งจุดตรวจจุดสกัด จนกระทั่งพบแรงงานชาวเมียนมาเป็นชาย 1 ราย หญิง 1 ราย จึงจับกุมตัวเอาไว้

จากการสอบถามแรงงานทั้ง 2 ทราบว่า เป็นชาว จ.เมาะลำไย 1 ราย จ.พะโค ประเทศเมียนมา 1 ราย ก่อนหน้านี้ได้จ่ายค่าหัวให้กับนายหน้าที่เป็นคนชาติเดียวกันไปแล้วคนละ  20,000 บาท เพื่อให้นำพาไปทำงานที่ กทม.และ จ.สมุทรปราการ แต่ก็มาถูกจับกุมตัวเสียก่อน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ต่อมาเวลา 12.30 น.เจ้าหน้าที่ชุดเดียวกัน ได้ร่วมกันจับกุมแรงงานต่างด้าวชาวเมียนมาได้ที่บริเวณช่องทางบ้านท้ายเหมือง หมู่ 3 ต.บ้องตี้ อ.ไทรโยค จำนวน 21 ราย เป็นชาย 14 ราย หญิง 7 ราย

ซึ่งกลุ่มแรงงานให้การในเบื้องต้นว่า พวกตนเป็นคน จ.พะโค โดยเสียค่าใช้จ่ายให้กับนายหน้าคนละ 15,000 - 20,000 บาท เพื่อให้นำพาเดินทางไปทำงานที่ จ.สมุทรสาคร จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจวัดอาการไข้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ผลปรากฏอุณหภูมิไม่เกิน 37.5 องศาฯ จึงนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยคเพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมาย ต่อไป