นายกฯ เน้นย้ำสิทธิประโยชน์การลงทุนในไทยให้ชัดเจน คำนึงถึงประโยชน์ชาติเป็นสำคัญ
1 ก.ย. 2562, 19:17
วันนี้ ( 1 ก.ย.62 ) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายสุริยะ จึงรุงเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เสนอรายงานผลการนำคณะผู้บริหารเดินทางไปพบปะกับสถาบันการเงินและภาคเอกชนไทยในเวียดนาม พบว่าความเชื่อมั่นในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นและบรรยากาศการลงทุนดีขึ้น หลังจากโครงสร้างเมกะโปรเจคของไทยเริ่มมีความชัดเจนและรัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 3.1 แสนล้านบาท โดยนายกรัฐมนตรี ได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงมาตรการส่งเสริมการลงทุน ตอกย้ำสิทธิประโยชน์การลงทุนในไทยให้มีความชัดเจนและขอให้มาตรการส่งเสริมการลงทุนคำนึงถึงประโยชน์ขอประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ
สำหรับผลทางด้านเศรษฐกิจ ในประเด็นข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน คาดว่ายังคงอยู่ในวงจำกัด โดยผลกระทบสุทธิต่อเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะจำกัด เนื่องจากมีผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบ จากกลุ่มสินค้าที่สหรัฐฯ ปรับขึ้นภาษีกับทุกประเทศทั่วโลกและสินค้าที่ไทยเป็นห่วงโซ่อุปทานของจีนโดยเฉพาะกลุ่มสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ อาทิ แผงวงจรไฟฟ้า เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เป็นสำคัญ ขณะที่ผลกระทบในเชิงบวก คาดว่าจะมาจากการส่งออกสินค้าที่ไทยสามารถคว้าโอกาสทดแทนกันในตลาดจีน อาทิ กลุ่มสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมเกษตรและในตลาดสหรัฐฯ อาทิ กลุ่มสินค้าเกษตร อุตสาหกรรมเกษตร ผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์ยางและพลาสติก และเคมีภัณฑ์
ผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าส่งผลให้มีแนวโน้มที่จะเกิดการย้ายการลงทุนเข้ามายังประเทศไทย ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม สำนักงานส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) พิจารณารูปแบบ แนวทางการลงทุนของแต่ละประเทศ เพื่อออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่เหมาะสมในรายประเทศ จึงได้มอบหมายการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) หารือร่วมกับบีโอไอ กำหนดแพ็คเกจรองรับความต้องการของนักลงทุน โดยเฉพาะหากกลุ่มนักลงทุนประเทศไหน ต้องการลงทุนร่วมกัน ในนิคมอุตสาหกรรมเดียวกัน
ทั้งนี้ ยังพบว่า ไทยมีจุดแข็งในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ครบวงจร อำนวยความสะดวกรองรับการค้าการลงทุน แรงงานไทยยังมีทักษะฝีมือสูง ซึ่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ย้ำว่า จะนำข้อมูลด้านการลงทุนที่ได้จากการพบปะกับสถาบันการเงินและภาคเอกชนไทยในเวียดนาม วิเคราะห์ถึงจุดอ่อน จุดแข็ง ความได้เปรียบเชิงเปรียบเทียบ เพื่อออกมาตรการดึงดูดการลงทุนในส่วนของกระทรวงอุตสาหกรรมและจะนำเสนอนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พิจารณาให้เชื่อมกับมาตรการภาพรวมที่แต่ละหน่วยงานกำลังดำเนินการ ซึ่งจะทำให้สิทธิประโยชน์การลงทุนในไทยมีความชัดเจนยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันก็กำชับให้ยังคงติดตามผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐ อย่างใกล้ชิดด้วย
นายกรัฐมนตรี เน้นย้ำให้มาตรการส่งเสริมการลงทุนจะต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง และต้องนำไปสู่การกระจายรายได้ลงสู่เศรษฐกิจฐานราก รวมตลอดถึงการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการ SMEs ได้เข้ามามีส่วนร่วมในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทยอีกด้วย