18 ต.ค. 64 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า นายเอ (นามสมมติ) อายุ 53 ปี ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี เข้าแจ้งความที่สถานีตำรวจภูธรกาญจนดิษฐ์เพื่อขออายัดบัญชี ธนาคารกรุงศรี อยุธยา ของนายเค (นามสมมติ) ชาวจังหวัดร้อยเอ็ด

 

 

ทั้งนี้เนื่องจากเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา ได้มีผู้ใช้ Facebook ชื่อว่า Vrisra Pungkum ซึ่งเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันและรู้จักมักคุ้นกันดีแชทมาขอยืมเงินจำนวน 3,000 บาท ตนจึงจะโอนเงินไปให้ด้วยโทรศัพท์มือถือ ตามเลขบัญชีที่ได้รับแจ้งมา แต่ปรากฎว่าขึ้นชื่อของนายเค จึงได้แชทกลับไปถามว่าบัญชีนี้ถูกต้องไหม โดยลืมนึกไปว่าแชทไปคุยกับคนร้าย ได้รับการตอบกลับมาว่าถูกต้องแล้วโอนไปได้เลย หลังจากนั้นไม่นานก็ได้รับเช็คกลับมาอีกว่าให้โอนเพิ่มอีกจำนวน 5,000 บาท ครั้งที่ 3 ได้รับแชทมาอีกว่าเงินไม่พอให้โอนเพิ่มให้อีก 10,000 บาท ตนจึงตอบกลับไปว่าเงินในบัญชีไม่พอแล้วเหลืออยู่นิดเดียวได้รับคำถามกลับมาว่า หมดแล้วเหรอ จากนั้นก็ติดต่อไม่ได้อีกเลย มารู้อีกทีว่าคนที่แชทมาไม่ใช่เจ้าของเฟซตัวจริงซึ่งจากการสอบถามในหมู่บ้านโดนลักษณะเดียวกันประมาณ 5 ราย รวมเป็นเงินที่เสียหายไปทั้งสิ้น 43,000 บาท จากนั้นจึงได้ช่วยกันตรวจสอบไปยังชื่อของเจ้าของบัญชีซึ่งทราบมาว่าเป็นคนอยู่จังหวัดร้อยเอ็ด จึงได้ติดต่อไปยังผู้ใหญ่บ้านในท้องที่ได้รับคำตอบว่านายเค ได้ออกจากพื้นที่ตั้งแต่ตอนอายุ 19 ปี หลังจากนั้นไม่เคยกลับมาอีกเลย

 

 

 

จึงได้เดินทางไปลงบันทึกประจำวันที่สถานีตำรวจภูธรดอนสักแล้วเอาบันทึกประจำวันเดินทางมายังธนาคารที่ อำเภอกาญจนดิษฐ์ เพื่อขอให้อายัดบัญชีดังกล่าว แต่ธนาคารแจ้งว่าไม่สามารถทำให้ได้ต้องไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนเสียก่อนเนื่องจากเป็นข้อมูลของลูกค้า จึงได้เดินทางไปที่สถานีตำรวจภูธรกาญจนดิษฐ์ เนื่องจากอยู่ใกล้กับธนาคาร แต่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรกาญจนดิษฐ์บอกว่าคนละท้องที่ต้องกลับไปแจ้งที่พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรดอนสัก จากนั้นตนพร้อมพวกจึงได้เดินทางย้อนกลับไป ที่สถานีตำรวจภูธรดอนสัก แต่ไม่พบร้อยเวรจึงไม่สามารถ ดำเนินการได้ภายในวันนี้ นายเอ กล่าวว่าพวกตนทราบดีอยู่ว่าคงไม่ได้เงินจำนวนดังกล่าวคืนกลับมา แต่อยากอายัดบัญชีของคนร้ายเพื่อจะได้ไม่ไปทำต่อกับคนอื่นอีก