วันนี้ (9 ก.ย.64) ข่าวช่อง 7 รายงานเหตุหดหู่ใจเมื่อทราบว่า คุณยายท่านหนึ่งเดินทางมาพร้อมเด็กหญิงวัย 14 ปี เพื่อมาให้ปากคำเพิ่มเติมกับพนักงานสอบสวน สภ.คำชะอี โดยยายของเด็กหญิงเล่าว่า เหตุเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่ผ่านมา ขณะที่ตนออกจากบ้านในอ.คำอำชะอี จ.มุกดาหาร ไปดำนาในหมู่บ้าน และปล่อยให้หลานสาวอยู่บ้านเพียงลำพัง จนเกิดเหตุหดหู่ใจ หลานสาวถูกเด็กชายวัย 12 ปีในหมู่บ้าน ข่มขืนหลานสาว ซึ่งตนได้เข้ามาแจ้งความแล้ว แต่ผู้ปกครองของคู่กรณียังไม่ยอมรับ อ้างว่าหลานสาวแต่งเรื่องขึ้น 

ทางด้านเด็กหญิง 14 ปี เล่าว่า เด็กชายในหมู่บ้านเดียวกัน ได้เข้ามาทำร้ายร่างกาย จนบังคับขืนใจจนกระทั่งสำเร็จความใคร่ บริเวณหลังบ้าน จากนั้นวันที่ 3-4 ก.ค. ขณะที่นั่งดูทีวีภายในบ้าน เด็กชายคนเดิมเข้ามาทำร้าย และข่มขืนตนอีกครั้ง แม้ว่าตนจะพยายามขอความช่วยเหลือก็ตาม แถมยังบีบคอ จึงทำให้ตนต้องหยุดร้องขอความช่วยเหลือ หลังจากนั้นตนก็ถูกขืนใจอีกครั้งวันที่ 26 ก.ค. บริเวณห้องน้ำหลังบ้าน 

 

หลังจากนั้น เแม่ของผู้เสียหาย อายุ 40 ปี เดินทางกลับมาบ้านและได้เห็นลูกสาวผิดปกติ จึงได้สอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น กระทั่งลูกสาวได้เล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้แม่ฟัง หลังจากนั้นผู้เป็นแม่ได้พาลูกสาวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลมุกดาหาร ซึ่งต้องรอผลการตรวจร่างกายอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.กิตเตชิษฐ์ บำรุง ผกก.สภ.คำชะอี ได้แจ้งว่า พนง.สอบสวน ได้รับแจ้งมาเมื่อ 2 ก.ย. ทราบว่าเด็กชายขืนใจเด็กหญิง 14 ปี โดยทั้งคู่เป็นญาติห่างๆ กัน 

ซึ่งแจ้งให้รับทราบเบื้องต้นแล้วว่าเรามีการรับแจ้ง แล้วก็จะมีการดำเนินคดีอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าประเพณีทางอีสานเขาอยากจะไกล่เกลี่ยพูดคุยกันก่อน ในส่วนทางคดีจะเป็นอย่างไร ในทางตำรวจจะต้องพิสูจน์ความจริง และให้ความเป็นธรรมทั้งสองฝ่าย ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นมีความเป็นจริง หรือเป็นเรื่องเท็จ ต้องใช้พยานทางนิติวิทยาศาสตร์ พยานบุคคล และพยานวัตถุเข้ามาเกี่ยวข้องในการพิสูจน์ ว่ามีการกระทำผิดในคดี ซึ่งจะต้องประสานทางแพทย์ และในวันนี้จะให้กองพิสูจน์หลักฐานเข้าร่วมตรวจสอบอีกครั้ง ในส่วนของเด็กชายอายุ 12 ขวบ ที่ทำการก่อเหตุนั้น ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำการก่อเหตุดังกล่าว

อย่างไรก็ตามในวันที่ 10 ก.ย. 64 ทางเจ้าที่ตำรวจจะเรียกเด็กชายอายุ 12 ขวบ ผู้ก่อเหตุ มาให้ปากคำที่ สภ.คำชะอี อีกครั้งพร้อมกับสหวิชาชีพ จากนั้นจะมีการสรุปสำนวนแล้วส่งสำนวนของคดีนี้ไปพร้อมผู้ที่กล่าวหาไปที่สำนักงานอัยการจังหวัดมุกดาหาร ต่อไป