จนท.อช.เขาแหลม รวบ 3 นายพราน ลักลอบล่าสัตว์ป่า
6 ก.ย. 2564, 13:31
วันนี้ 6 ก.ย.64 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า ได้รับการเปิดเผยจาก นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ว่า จากสถานการณ์ของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กำลังระบาดไปทั่วประเทศ ถึงแม้อุทยานฯ แต่ละแห่งจะเปิดให้บริการแก่นักท่องเที่ยวแบบไป-กลับ แต่นักท่องเที่ยวก็มีไม่มากนัก
แต่นายนาย วราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้งนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ออกลาดตระเวนเชิงคุณภาพเพื่อป้องกันปราบปรามการทำลายป่าไม้รวมทั้งป้องกันและปราบปรามขบวนการล่าสัตว์ป่าให้เข้มข้นขึ้นมากกว่าเดิมตามนโยบาย ทส.4 ยกกำลัง 2
จากนโยบายดังกล่าวล่าสุด นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาแหลม อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ได้รายงานผลการลาดตระเวนเข้ามาว่า ช่วงบ่ายของวันที่ 5 ก.ย.64 ที่ผ่านมา ขณะที่คณะเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษสำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 1 ภาคกลาง (สปป.1) กว่า 10 นาย ร่วมกันลาดตระเวนไปถึงบริเวณพื้นที่ภูเขาป่าบ้านทิพุเย พื้นที่หมู่ 3 ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ ที่อยู่ในเขตรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติเขาแหลม และป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาพระฤาษี และป่าเขาบ่อแร่ แปลงที่หนึ่ง พิกัด UTM 47 P 0466818 E 1658253 N
ผลปรากฏพบกลุ่มบุคคลต้องสงสัยเป็นชาย 3 ราย เดินแบกถุงปุ๋ยพร้อมสะพายอาวุธปืนเดินออกมาจากผืนป่าชั้นใน คณะเจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังปิดล้อมพร้อมแสดงตัวเข้าจับกุม ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกนายต้องระมัดระวังตัวเป็นกรณีพิเศษเนื่องจากกลุ่มบุคคลจำนวนดังกล่าวนั้นมีอาวุธปืน แต่สุดท้ายเจ้าหน้าที่ก็สามารถคุมตัวชายทั้ง 3 ราย เอาไว้ได้
ทราบชื่อคือ 1.นายสะจูโพ่ ไม่มีนามสกุล ชาวกระเหรี่ยง อายุ 27 ปี อาศัยอยู่ที่บ้านทิพุเย หมู่ 3 ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี 2.นายลายคุโพ่ ไม่มีนามสกุล ชาวกระเหรี่ยง อายุ 24 ปี อาศัยอยู่ที่บ้านทิพุเย หมู่ 3 ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี และ 3.นายสุวัฒน์ อายุ 31 ปี อาศัยอยู่ที่บ้านทิพุเย หมู่ 3 ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ
จากการตรวจค้นภายในกระสอบปุ๋ยเพื่อหาสิ่งผิดกฎหมาย ผลปรากฏพบซากกระรอกดง จำนวน 3 ซาก ทั้ง 3 ซากถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .22 เข้าที่บริเวณขาหลัง น้ำหนักรวมกัน 4 กิโลกรัม ซากนกเงือก 2 ซาก ถูกผ่าท้องแล้วย่างไฟ ตรวจสอบพบถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาดเดียวกันเข้าที่บริเวณหน้าอก น้ำหนักรวมกัน จำนวน 3.30 กิโลกรัม เม่นหางพวง สภาพถูกผ่าท้องแล้วนำไปย่างไฟ จำนวน 2 ซาก น้ำหนักรวมกัน 3.20 กิโลกรัม ค่างที่ถูกชำแหละเป็นชิ้นแล้วนำมาย่างไฟ จำนวน 1 ซาก น้ำหนัก 1 กิโลกรัม ซากลิงสภาพถูกชำแหละเป็นชิ้น จำนวน 1 ซาก น้ำหนัก 10 กิโลกรัม ตรวจสอบพบถูกยิงด้วยอาวุธปืนเข้าที่บริเวณแก้มซ้าย รวมทั้งซากตะพาบน้ำ จำนวน 1 ซาก และซากตะกวด จำนวน 1 ซาก
สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ในการกระทำผิดประกอบด้วย อาวุธปืนยาวติดลำกล้อง ขนาด.22 จำนวน 1 กระบอก อาวุธปืนยาวแบบไทยประดิษฐ์ ติดลำกล้อง ขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนปืน ขนาด .22 จำนวน 75 นัด มีดปลายแหลม จำนวน 2 เล่ม ไฟฉายคาดหัว จำนวน 4 อัน หม้อสนาม จำนวน 3 ใบ และอุปกรณ์ เปลนอน จำนวน 3 หลัง, ไฟแช็ค จำนวน 4 อัน, เตาแก๊สพร้อมแก๊สกระป๋อง จำนวน 1 ชุด และเป้สะพายหลัง จำนวน 1 ใบ
หลังจากจับกุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย เอาไว้ได้ จึงจดทำบันทึกเรื่องราวแล้วนำตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ ดำเนินคดีในข้อหากระทำผิด ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 มาตรา 12 ฐาน "ล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต" ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือปรับไม่เกิน 1,000,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ มาตรา 17 ฐาน" ครอบครองสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาต ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือ ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
รวมทั้งกระทำผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ ฉบับใหม่ พ.ศ.2562 มาตรา 19(3)ฐาน "ล่อหรือนำสัตว์ป่าออกไปหรือกระทำให้เป็นอันตรายแก่สัตว์ป่าด้วยประการใด ระวางโทษจำคุก ไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 500,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
และกระทำผิดตาม พ.ร.บ.อาวุธปืน 2497 พระราชบัญญัติอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7 ฐาน " ห้ามมิให้ผู้ใดทำ ซื้อ มีใช้ สั่ง หรือนำเข้า อาวุธปืนโดยมิได้รับอนุญาต ระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 2,000-20,000 บาท มาตรา 8 ทวิ ฐาน" ห้ามมิให้ผู้ใดพาอาวุธปืนติดตัวไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตให้มีอาวุธปืนติดตัว ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สบอ.3(บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้เจ้าหน้าที่ต่างรู้สึกเศร้าใจเป็นอย่างมาก เนื่องจากที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่อุทยานฯต่างเฝ้าระวังเพื่ออนุรักษ์สัตว์ป่าเหล่านี้เอาไว้มาอย่างยาวนาน และที่น่าเสียใจที่สุดก็คือ ผู้กระทำผิดกลับกลายเป็นคนในพื้นที่เสียเอง