นางสาวน้ำตาล อุปชา ผู้เสียหายเล่าว่า ขณะเกิดเหตุตนเองกำลังอาบน้ำอยู่ภายในห้องน้ำบนชั้น 2 มีชายแอบปืนขึ้นมาด้านบนห้องน้ำโผล่หน้ามาให้เห็นชัดเจน ซึ่งเป็นจังหวะที่ตนแหงนหน้าดูฝักบัว สายตาจึงจะเอ๋กันกับคนร้าย ด้วยความตกใจจึงกรีดร้องและร้องเรียกให้สามีที่อยู่ชั้นล่างให้ช่วยเหลือและจับคนร้าย ซึ่งเข้าใจว่ายังหลบอยู่บนบ้าน จากนั้นจึงได้โทรแจ้งตำรวจ ส่วนนายยุทธนา อุปชา สามีกำลังซ่อนกุญแจรถอยู่ด้านหน้าบ้าน ซึ่งสันนิษฐานว่า คนร้ายน่าจะแอบเข้ามาห้องครัวหลังหลังบ้านที่เปิดอยู่ขึ้นไปลักทรัพย์บนชั้น 2 ตนและลูกชายวัย 2 ขวบกำลังดูทีวีอยู่ในห้องรับแขกชั้นล่าง ขณะนั้นสามีไปตามช่างมาทำกุญแจรถ พอสามีเข้าบ้านมาจึงขึ้นไปอาบน้ำ คาดว่าคนร้ายซ่อนตัวอยู่ในอีกห้องชั้นบน เมื่อตนกรีดร้องและเรียกให้สามีช่วยคนร้ายจึงวิ่งลงบันไดออกหลังบ้านพร้อมกับปีนรั้วหนีเข้าป่าหลังบ้านไปก่อน ส่วนสามีที่เคยได้ยินเสียงกรีดร้องของภรรยาบ่อยครั้งไม่ว่าจะเจอจิ้งจกหรือตุ๊กแก คราวนี้จึงคิดว่าคงเป็นเรื่องเจอสัตว์เลื้อยคลานเดิมๆ จึงไม่ได้สนใจในครั้งแรก แต่พอได้ยินเสียงกรีดร้องและเรียกให้ช่วยเหลือนานประมาณ 5 นาทีจึงต้องตัดสินใจวิ่งขึ้นไปดูบนบ้าน แต่ไม่เห็นคนร้ายวิ่งสวนลงไปแต่อย่างใด

หลังจากสอบสวนผู้เสียหายเบื้องต้น เจ้าหน้าที่พอจะทราบรูปพรรณสัณฐานตัวคนร้าย จึงได้พาผู้เสียหายไปชี้ตัว นายต้น ผู้ต้องสงสัยรายนี้ อยู่บ้านเลขที่ 5 หมู่ที่ 5 บ้านหนองยาง ต.บ้านซาง อ.เซกา ห่างจากบ้านผู้เสียหายประมาณ 1 กม.ซึ่งพึ่งออกจากคุกมาได้ 5 วันในคดียาเสพติด แต่นายต้นหัวหมอไม่ยอมให้ตำรวจเข้าตรวจค้นหากไม่มีหมายค้นมาแสดง ซึ่งเกือบจะมีเรื่องทำร้ายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดตามไปจะค้นบ้าน

หลังจากนั้นจึงได้ขอหมายค้นจากศาลจังหวัดบึงกาฬ เนื่องจากเป็นเวลากลางคืนศาลจึงไม่ออกหมายค้นให้ พอรุ่งเช้าวันนี้ได้หมายค้นแต่ก็ไม่พบหลักฐานที่เป็นของกลางอะไร โดยเฉพาะอาวุธปืนพกสั้นพร้อมลูกกระสุน 30 นัด จึงต้องรอให้ตำรวจพิสูจน์หลักฐานบึงกาฬ ตรวจหาลายนี้มือแฝงหาดีเอนเอตามหลักฐานที่ยึดได้เช่นกระเป๋าสตางค์ ซึ่งกว่าจะรู้ผลตรวจก็ประมาณ 1 เดือน