ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.ศรีสะเกษว่า  จากกรณีที่ได้มีกลุ่มแม่ค้าจากตลาดประชารัฐต้องชม บ้านไพรพัฒนา  อ.ภูสิงห์  อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ นำโดย น.ส.อชอรญา มลิพันธ์ อายุ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/1 หมู่ 4 ต.นิคมพัฒนา อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ กับพวกรวม  6 คน ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ พ.ต.ท.อรรณพ มณีวงษ์ สารวัตรสอบสวน  สภ.ภูสิงห์ ว่า พวกตนได้ถูกบุคคลกลุ่มหนึ่งรวมจำนวน 10 คน เป็นชาย 7 คน หญิง 3 คน มาอ้างกับพวกตนว่า เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปราบปรามสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์  และมีชายคนหนึ่งอ้างว่า เป็นตำรวจชื่อว่า ผู้กอง พ. สังกัดสถานีตำรวจแห่งหนึ่ง  ร่วมในกลุ่มนี้ด้วย มาล่อซื้อสินค้ายี่ห้อหนึ่ง จากนั้น ได้จับกุมพวกตนไปที่ สภ.ภูสิงห์ และอ้างว่าจะดำเนินคดีตามกฎหมาย แต่หากว่ายอมจ่ายเงินรายละ 50,000 บาท จะไม่ดำเนินคดี  กลุ่มแม่ค้าไม่มีเงินจ่ายให้จึงมีการเจรจาต่อรองค่าสินไหมลดเหลือ รายละ 25,000 บาท  และกลุ่มแม่ค้าได้จ่ายเงินให้ไปแล้ว  จากนั้น กลุ่มแม่ค้าได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สภ.ภูสิงห์ เพื่อให้ดำเนินคดีตามกฎหมายกับกลุ่มคนดังกล่าว ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้  เมื่อวันที่ 22 ส.ค.62  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ น.ส.อชอรญา มลิพันธ์ อายุ 43 ปี พร้อมด้วย กลุ่มแม่ค้าตลาดประชารัฐต้องชม  ได้เดินทางมาพบกับ พ.ต.อ.พฤทธิ์ บุญปก ผกก.สภ.ภูสิงห์ และพนักงานสอบสวน โดยมีฝ่ายที่ได้รับมอบอำนาจจากเจ้าของลิขสิทธิ์สินค้า คือ  นายโกสินทร์  แทนกุล  อายุ  37 ปี  อยู่บ้านเลขที่ 335/1 หมู่ 13 ต.พ่วงพรมคร อ.เคียนซา จ.สุราษฏร์ธานี และนายวีรวัฒน์  วัฒนพงษ์  อายุ 42 ปี  ได้มาเจรจากันเพื่อหาข้อยุติในเรื่องนี้  ซึ่งจากการที่ ผกก.สภ.ภูสิงห์ ได้ตรวจสอบหนังสือมอบอำนาจแล้ว ยืนยันว่า มีการมอบอำนาจจากเจ้าของลิขสิทธิ์มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยฝ่ายนายโกสินทร์ แจ้งว่า สินค้าที่ยึดมาเป็นสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์จริง และฝ่ายแม่ค้าได้แจ้งว่า ไม่ทราบและไม่เข้าใจเกี่ยวกับการขายสินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ และขอให้ผู้ได้รับมอบอำนาจลดค่าสินไหมทดแทนที่ได้จ่ายเงินให้ไปแล้ว ซึ่งทางฝ่ายผู้ได้รับมอบอำนาจ ได้ยินยอมคืนเงินส่วนที่ได้รับไปก่อนแล้วและได้ลดค่าสินไหมทดแทนให้กลุ่มแม่ค้าเหลือเพียงรายละ 5,000 บาท ทำให้การเจรจาไกล่เกลี่ยได้ยุติลงด้วยดี  ทั้ง 2 ฝ่ายได้มีการลงลายมือชื่อไว้เป็นหลักฐานว่าไม่ติดใจเอาความกันอีกต่อไป

น.ส.อชอรญา มลิพันธ์ อายุ 43 ปี แกนนำกลุ่มแม่ค้าตลาดประชารัฐต้องชม กล่าวว่า  พวกตนสั่งสินค้ามาขายโดยไม่ทราบมาก่อนเลยว่า สินค้าชนิดใดเป็นสินค้ามีลิขสิทธิ์ เพราะว่า พวกตนค้าขายอยู่ติดชายแดนไทย - กัมพูชา ด้านช่องสะงำ  และมาค้าขายสินค้าหารายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ เลี้ยงตนเองและครอบครัว อีกทั้งตลาดแห่งนี้เป็นตลาดที่ตั้งขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ประชาชนตามแนวชายแดนไทย - กัมพูชา ได้ค้าขายสินค้าให้กับนักท่องเที่ยวเพื่อสร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้า  ตนเห็นว่า หากจะมีการจับกุมสินค้าลิขสิทธิ์ควรที่จะไปจับกุมบริษัทที่ผลิตสินค้าเลียนแบบ ไม่ใช่มาจับกุมพวกตนที่ค้าขายเพียงเล็กน้อยอยู่ปลายเหตุ ตนขายพัดลมอันละ 89 บาท แต่ถูกจับกุมให้จ่ายเงิน 50,000 บาท มันเป็นการกระทำที่โหดร้ายกับพวกตนมาก  อีกทั้งพวกตนติดใจว่า  เมื่อรับเงินจากพวกตนไปแล้ว ทำไมไม่ออกใบเสร็จรับเงินให้ถูกต้องตั้งแต่วันที่รับเงินไป จึงขอให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้ความเป็นธรรมกับพวกตนที่เป็นชาวบ้านที่ยากไร้ด้วย

พ.ต.อ.พฤทธิ์ บุญปก ผกก.สภ.ภูสิงห์ กล่าวว่า  จากการตรวจสอบแล้ว การดำเนินคดีนี้ มีการดำเนินการเป็นไปอย่างถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมาย  ซึ่งคดีนี้เป็นคดีที่สามารถยอมความกันได้  จึงได้ให้ทั้ง 2 ฝ่ายเจรจากันเอง และสามารถตกลงกันได้ด้วยดี  ซึ่งตนจะได้รายงานคดีนี้ให้ พล.ต.ต.สุรเดช   เด่นธรรม ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ เพื่อทราบต่อไป

นายวีรวัฒน์   วัฒนพงษ์  อายุ 42 ปี  หัวหน้าตัวแทนผู้ได้รับมอบอำนาจกล่าวว่า  ตนขอฝากถึงบรรดาพ่อค้าแม่ค้าชาว จ.ศรีสะเกษ และทั่วประเทศด้วยว่า การนำเอาสินค้ามาขายนั้น ขอให้ตรวจสอบให้ดีว่า เป็นสินค้าลอกเลียนแบบหรือไม่  ขอให้นำเอาสินค้าที่เป็นของแท้มาวางขาย จึงจะไม่ผิดกฎหมายละเมิดลิขสิทธิ์ ซึ่งพวกตนมีขายให้ และจะได้ไม่มีปัญหาด้านคดีความอีกด้วย

ทางด้าน  พ.ต.อ.จิณวัตร   ก้อนทองดี  รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ  กล่าวว่า  คดีนี้ พล.ต.ต.สุรเดช   เด่นธรรม ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ได้วิทยุด่วนที่สุด สั่งการให้ พ.ต.อ.พฤทธิ์ บุญปก ผกก.สภ.ภูสิงห์  ตรวจสอบข้อเท็จจริงและรายงานผลการตรวจสอบอย่างละเอียดให้ทราบภายในวันที่ 28 ส.ค. 62 นี้  ส่วนตนได้สั่งการทางโทรศัพท์ ให้ ผกก.สภ.ภูสิงห์ รายงานผลให้ทราบภายในวันที่ 23 ส.ค. 62  เพื่อจะได้รายงานผลการตรวจสอบเบื้องต้นตามที่เป็นข่าวทางสื่อมวลชนให้ พล.ต.ต.สุรเดช  เด่นธรรม ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ได้รับทราบเพื่อพิจารณาสั่งการต่อไป