รวบหนุ่มหลอกขายวัคซีน อ้างจองซื้อวัคซีนกับรพ.เอกชน
4 ส.ค. 2564, 15:55
วันที่ 4 ส.ค. 64 รายงานจากชุดสืบสวน บก.สอท.1 และ บก.สอท.2 ร่วมกันสืบสวนหาตัวคนร้ายในคดีหลอกลวงขายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ผ่านทางเฟซบุ๊ก ใช้ชื่อ “สิทธิพงษ์ ทองฮุย” และ “แจ็ค กี้” รวมทั้ง กลุ่มเฟซบุ๊ก “จองวัคซีนที่ไหนได้บ้าง? วัคซีนทางเลือกจองได้ที่ไหน?” โดยมีผู้เสียหายกว่า 50 คน มูลค่าความเสียหาย กว่า 200,000 บาท ซึ่งถือเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน ในช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ชุดสืบสวนได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายฐาปกรณ์ แก้วศรี อายุ 20 ปี เป็นคนร้ายในคดีดังกล่าว และได้มาพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง หมู่ 4 ต.เกาะสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบ นายฐาปกรณ์ อยู่หน้าห้องพักเลขที่ 5 จึงได้แสดงตัวขอทำการตรวจค้น นายฐาปกรณ์ ให้การยอมรับสารภาพว่า ตนเป็นผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก จำนวน 7 บัญชี ทำการโพสต์ข้อความหลอกลวงขายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตามกลุ่มเฟซบุ๊ก สาธารณะต่างๆ จำนวน 4 กลุ่ม
ซึ่งตนเองไม่ได้มีวัคซีนดังกล่าวแต่อย่างใด โดยเงินที่ได้จากการหลอกลวง ตนเองนำไปใช้เล่นเกมออนไลน์ และใช้จ่ายส่วนตัว ซึ่งการกระทำดังกล่าว ได้เริ่มกระทำผิดในครั้งนี้มาเป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือน พร้อม สามารถตรวจยึดของกลาง โทรศัพท์ มือถือ 1 เครื่อง (2 ซิม) และ เงินสด จำนวน 8,000 บาท
ผู้ต้องหา ทำทีหลอกขายวัคซีนทางเลือก เช่น โมเดอร์น่า, ซิโนฟาร์ม ในราคา 3,300 บาท จากการแอบอ้างว่ามีสิทธิ์ จากการจองซื้อวัคซีนทางเลือก กับทางโรงพยาบาลเอกชน แล้วมีสิทธิ์เหลือ จึงนำมาจำหน่ายให้กับผู้เสียหายที่สนใจหลงเชื่อ ซึ่งพบว่ามีผู้เสียหายหลายราย กว่า 50 คน บางรายถูกหลอกจ่ายเงินมัดจำและบางรายจ่ายด้วยเงินเต็มจำนวน มูลค่าความเสียหาย กว่า 200,000 บาท ซึ่งจะนำข้อมูลทางการเงินมาขยายผลโดยละเอียด เนื่องจากผู้เสียหายบางรายอาจมองว่าเป็นเงินจำนวนน้อย จึงไม่ได้ติดตาม แต่หากมีจำนวนผู้เสียหายที่ถูกหลอกหลายราย เป็นการฉ้อโกงประชาชน ก็จะมีมูลค่าความเสียหายที่สูง ซึ่งจะใช้นำไปประกอบการดำเนินคดี
จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่า นายฐาปกรณ์ เพิ่งได้รับการพ้นโทษจำคุก ในข้อหา ฉ้อโกง หลวงลวงขายสินค้าออนไลน์ มาเมื่อเดือนกันยายน ปี 2563 โดย ศาล มีคำพิพากษา ลงโทษจำคุก 3 ปี รับสารภาพเหลือจำคุก 1 ปี 6
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน จึงแจ้งข้อกล่าวและดำเนินคดี ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน ป.อาญา ม.343” และ “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14(1)” พร้อมนำตัว ผู้ต้องหาและของกลาง ส่ง พนักงานสอบสวน สภ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ตามกฎหมาย .
ชุดสืบสวน บก.สอท.1 และ บก.สอท.2 ร่วมกันสืบสวนหาตัวคนร้ายในคดีหลอกลวงขายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ผ่านทางเฟซบุ๊ก ใช้ชื่อ “สิทธิพงษ์ ทองฮุย” และ “แจ็ค กี้” รวมทั้ง กลุ่มเฟซบุ๊ก “จองวัคซีนที่ไหนได้บ้าง? วัคซีนทางเลือกจองได้ที่ไหน?” โดยมีผู้เสียหายกว่า 50 คน มูลค่าความเสียหาย กว่า 200,000 บาท ซึ่งถือเป็นการซ้ำเติมความเดือดร้อนของประชาชน ในช่วงที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19
ชุดสืบสวนได้ทำการสืบสวนจนทราบว่า นายฐาปกรณ์ แก้วศรี อายุ 20 ปี เป็นคนร้ายในคดีดังกล่าว และได้มาพักอยู่ที่โรงแรมแห่งหนึ่ง หมู่ 4 ต.เกาะสมบูรณ์ อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พบ นายฐาปกรณ์ อยู่หน้าห้องพักเลขที่ 5 จึงได้แสดงตัวขอทำการตรวจค้น นายฐาปกรณ์ ให้การยอมรับสารภาพว่า ตนเป็นผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊ก จำนวน 7 บัญชี ทำการโพสต์ข้อความหลอกลวงขายวัคซีนป้องกันโควิด-19 ตามกลุ่มเฟซบุ๊ก สาธารณะต่างๆ จำนวน 4 กลุ่ม
ซึ่งตนเองไม่ได้มีวัคซีนดังกล่าวแต่อย่างใด โดยเงินที่ได้จากการหลอกลวง ตนเองนำไปใช้เล่นเกมออนไลน์ และใช้จ่ายส่วนตัว ซึ่งการกระทำดังกล่าว ได้เริ่มกระทำผิดในครั้งนี้มาเป็นระยะเวลาประมาณ 3 เดือน พร้อม สามารถตรวจยึดของกลาง โทรศัพท์ มือถือ 1 เครื่อง (2 ซิม) และ เงินสด จำนวน 8,000 บาท
ผู้ต้องหา ทำทีหลอกขายวัคซีนทางเลือก เช่น โมเดอร์น่า, ซิโนฟาร์ม ในราคา 3,300 บาท จากการแอบอ้างว่ามีสิทธิ์ จากการจองซื้อวัคซีนทางเลือก กับทางโรงพยาบาลเอกชน แล้วมีสิทธิ์เหลือ จึงนำมาจำหน่ายให้กับผู้เสียหายที่สนใจหลงเชื่อ ซึ่งพบว่ามีผู้เสียหายหลายราย กว่า 50 คน บางรายถูกหลอกจ่ายเงินมัดจำและบางรายจ่ายด้วยเงินเต็มจำนวน มูลค่าความเสียหาย กว่า 200,000 บาท ซึ่งจะนำข้อมูลทางการเงินมาขยายผลโดยละเอียด เนื่องจากผู้เสียหายบางรายอาจมองว่าเป็นเงินจำนวนน้อย จึงไม่ได้ติดตาม แต่หากมีจำนวนผู้เสียหายที่ถูกหลอกหลายราย เป็นการฉ้อโกงประชาชน ก็จะมีมูลค่าความเสียหายที่สูง ซึ่งจะใช้นำไปประกอบการดำเนินคดี
จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่า นายฐาปกรณ์ เพิ่งได้รับการพ้นโทษจำคุก ในข้อหา ฉ้อโกง หลวงลวงขายสินค้าออนไลน์ มาเมื่อเดือนกันยายน ปี 2563 โดย ศาล มีคำพิพากษา ลงโทษจำคุก 3 ปี รับสารภาพเหลือจำคุก 1 ปี 6
เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน จึงแจ้งข้อกล่าวและดำเนินคดี ในความผิดฐาน “ฉ้อโกงประชาชน ป.อาญา ม.343” และ “นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอม ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ม.14(1)” พร้อมนำตัว ผู้ต้องหาและของกลาง ส่ง พนักงานสอบสวน สภ.โชคชัย จ.นครราชสีมา ตามกฎหมาย .