เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2562 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดสุรินทร์ ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านสระทอง ต.แนงมุด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ได้รับความเดือดร้อนจากการใช้รถใช้ถนนเส้นทางสัญจรเข้าออกหมู่บ้านระยะทางเกือบ 4 กิโลเมตร เป็นหลุมเป็นบ่อมานานกว่า 5 ปีไร้หน่วยงานที่มีส่วนรับผิดชอบเข้ามาดูแลแม้ว่าจะแจ้งให้มาซ่อมหรือสร้างใหม่ก็ไม่มีความคืบหน้า เพียงแต่บอกว่ามีงบประมาณ ลงมาซ่อมให้แล้วถึง 3 ครั้ง แต่ไม่ทำอะไรสักอย่าง ชาวบ้านทนทุกข์ใช้ถนนเส้นนี้ อย่างยากลำบาก

ผู้สื่อข่าว ได้พบกับชาวบ้าน บ.สระทอง ม.2 บ.สายทอง ม.10 บ.วังทอง ม.15 ต.แนงมุด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ ซึ่งถนนเส้นนี้ผ่าน ได้รวมตัวพากันออกมาร้องเรียนต่อสื่อมวลชนเรื่องถนนพังเสียหายเป็นหลุมเป็นบ่อตลอดทั้งเส้นทางกว่า 4 กิโลเมตร เป็นถนนเชื่อมต่อ3หมู่บ้านซึ่งเป็นถนนลาดยางมะตอยตลอดทั้งสายเป็นถนนเส้นทางหลักที่ชาวบ้านใช้สัญจรกันเป็นประจำ ในพื้นที่ดังกล่าว จากการสำรวจถึงความเสียหายของถนนตลอดทั้งเส้นทาง ซึ่งพบว่าเสียหายเป็นหลุมเป็นบ่อยับเยิน ซึ่งบางจุดที่ชาวบ้านได้ชี้ให้ดูว่าเป็นหลุมลึกและมีขนาดใหญ่จนน่ากลัว บางจุดมีหลุมเต็มไปหมดจนไม่สามารถลีกเลี่ยงหรือหลบหลุมได้ และไม่มีทางเลี่ยงออกจากถนนเส้นนี้ได้ การใช้รถใช้ถนนหากไม่มีความชำนาญหรือขับรถผ่านในเวลาเร่งด่วนอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ ซึ่งถนนเส้นดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุมาแล้วหลายครั้ง

จากการสอบถาม ร.ต.ท.เลิน พิเลิศ ข้าราชการตำรวจ บำนาญ ตัวแทนชาวบ้านเล่าให้ฟังว่า ถนนเส้นนี้พังเสียหายเกือบตลอดทั้งสายระยะทางกว่า4.5กิโลเมตร ชาวบ้านและเด็กนักเรียนใช้เป็นเส้นทางหลักเพื่อสัญจรเด็กนักเรียนใช้เส้นทางดังกล่าวเพื่อเดินทางไปโรงเรียนกันเป็นประจำ เมื่อเวลาเกิดฝนตกก็จะมีน้ำขังในหลุมในบ่อทำให้รถที่สัญจรผ่านตกหลุมน้ำกระเซ็นใส่ต้องเปียกปอนไปโรงเรียนกัน และถนนเส้นนี้รถวิ่งทำความเร็วได้ไม่เกิน20-30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เพราะเกรงว่าจะหลบหลุมไม่ทัน ซึ่งเห็นใจชาวบ้านที่ต้องใช้เส้นทางนี้สัญจรไปมาเป็นประจำ

ส่วนทางพระปลัด บุญจันทร์ ฐานะธรรมโม พระเจ้าอาวาสประจำวัดแสงอรุณ ม.10 บ.สายทอง ต.แนงมุด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์ เป็นอีกท่านหนึ่งในหมู่บ้านที่ได้รับความเดือดร้อนจากถนนเส้นทางสายดังกล่าว ซึ่งเปิดเผยว่า ถนนสายนี้คือถนนเส้นทางเข้าออกหมู่บ้านเป็นเส้นทางหลักเพียงเส้นทางเดียวที่ชาวบ้านทั้ง 3 หมู่บ้านใช้สัญจรผ่าน และได้รับความเดือดร้อนทุกๆปีและมีการร้องขอไปยังหน่วยงานที่มีส่วนรับผิดชอบถนนเส้นดังกล่าวไปแล้วทุกปี แต่ไร้หน่วยงานเข้ามาดูแลแก้ไขปัญหาดังกล่าว จนชาวบ้านทนเห็นสภาพถนนผุพังไม่ได้จึงได้ช่วยกันระดมทุนคนละเล็กละน้อยซื้อปูนซีเมนต์ มาโบกผิวถนนบริเวณที่พังแต่ปัจจุบันถนนเส้นดังกล่าวก็พังซ้ำซ้อนเข้าไปอีกและไร้หน่วยงานเข้ามาดูแล ซึ่งทางชุมชนเองก็ได้มีการทำเรื่องร้องขอและขอความช่วยเหลือไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้วหลายหน่วยงาน ทุกๆปี แต่การแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมก็ยังไม่มาถึง จึงทำให้ถนนมีสภาพเป็นอย่างที่เห็น