หมอยง เตือนรับมือโควิดสายพันธุ์อินเดีย มาแน่! ไม่กี่เดือนข้างหน้าระบาดใหญ่ในไทย แทนที่สายพันธุ์อังกฤษ
21 มิ.ย. 2564, 11:18
ศาสตราจารย์ นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ล่าสุด เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2564 ได้ออกโพสต์เฟซบุ๊ก ย้ำเตือนไม่ให้ประมาท และเตรียมพร้อมรับมือกับโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) ที่คาดว่าจะแพร่ระบาดครั้งใหญ่ในประเทศไทย แทนที่สายพันธุ์อังกฤษ (อัลฟา)
โดย หมอยง เผยว่า วัคซีนโควิด -19 กับการป้องกันไวรัสกลายพันธุ์ ตามวิวัฒนาการของไวรัส ไวรัสจากมีการกลายพันธุ์เพื่อหลบหลีกภูมิคุ้มกันของร่างกายเรา เราจะเห็นว่ามีการกลายพันธุ์ตั้งแต่ อัลฟา เบต้า แกมมา เดลต้า หรือแต่เดิมที่เราเรียกว่าสายพันธุ์อังกฤษ (อัลฟา) สายพันธุ์แอฟริกาใต้ (เบต้า) สายพันธุ์อินเดีย (เดลต้า)
วัคซีนส่วนใหญ่ทั้งหมดจะพัฒนาจากสายพันธุ์เดิมคือสายพันธุ์อู่ฮั่น สายพันธุ์อังกฤษยังไม่หลบหลีกประสิทธิภาพของวัคซีนมากนัก สายพันธุ์แอฟริกาใต้หลบหลีกได้มาก แต่ขณะเดียวกันอำนาจการกระจายโรคได้น้อยกว่าสายพันธุ์เดลต้า หรืออินเดีย มีอํานาจการกระจายสูง และหลบหลีกภูมิต้านทานได้แต่น้อยกว่าสายพันธุ์แอฟริกาใต้ การมีอำนาจการกระจายสูงสายพันธุ์นี้จะเข้ามาแทนที่สายพันธุ์ และระบาดทั่วโลก จากเดิมเป็นสายพันธุ์อังกฤษ
ในทำนองเดียวกันในประเทศไทยแต่เดิมเป็นสายพันธุ์ G และก็โดนสายพันธุ์อังกฤษ (อัลฟา) ระบาดเข้ามา เกิดระบาดใหญ่ ทำให้ผู้ป่วยเกือบทั้งหมดเป็นสายพันธุ์อังกฤษ ขณะนี้เริ่มมีสายพันธุ์อินเดีย (เดลต้า) เพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มสูงขึ้น เข้ามาแทนที่สายพันธุ์อังกฤษในประเทศไทยอย่างแน่นอน
เราจะเห็นการศึกษาในสกอตแลนด์ ถ้าเปรียบเทียบวัคซีน ที่เปรียบเทียบระหว่างวัคซีนไฟเซอร์ ที่ให้ระดับภูมิต้านทานที่สูงกว่าวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ปรากฏว่าลดลงทั้ง 2 ตัว แต่วัคซีนที่ให้ภูมิต้านทานสูงลดลงน้อยกว่า
การป้องกันโรคเมื่อให้วัคซีนครบ 2 เข็ม หลัง 14 วัน ต่อสายพันธุ์เดลต้า วัคซีนไฟเซอร์ ป้องกันได้ร้อยละ 79 วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ป้องกันโรคได้ร้อยละ 60 แต่ถ้าเป็นสายพันธุ์อังกฤษการป้องกันโรคจะอยู่ที่ร้อยละ 92 กับ 73 แต่ถ้าให้วัคซีนเข็มเดียวเปรียบเทียบกัน หลัง 28 วันไปแล้ว การป้องกันของวัคซีนไฟเซอร์ จะอยู่ที่ 30% แต่ของแอสตร้าเซนเนก้า จะอยู่ที่ 18% โรงพิมพ์ในวารสาร Lancet เมื่อวันที่ 14 มิถุนายน แสดงให้เห็นว่าการป้องกันโรคสายพันธุ์เดลต้า หรืออินเดีย จำเป็นที่จะต้องใช้ระดับภูมิต้านทานที่สูงกว่าสายพันธุ์แอลฟา หรืออังกฤษ
จากข้อมูลดังกล่าวถ้ามาประยุกต์ใช้ในประเทศไทย ขณะนี้ของเราส่วนใหญ่ยังเป็นสายพันธุ์อังกฤษ แต่ก็คงจะหนีไม่พ้นในอนาคตที่จะมีสายพันธุ์อินเดียเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และจะมาแทนที่สายพันธุ์อังกฤษในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ตามวิวัฒนาการของไวรัส
การให้วัคซีนเข็ม 2 เข้ามาเร็วขึ้น ของแอสตร้าเซนเนก้า จะมีประโยชน์ในการป้องกันสายพันธุ์เดลต้า ถ้ามีการระบาดของสายพันธุ์นี้เกิดขึ้น และมีแนวโน้มการป้องกันจะลดลง แต่ก็ยังช่วยลดความรุนแรงของโรคได้ และในทำนองเดียวกันวัคซีนที่กระตุ้นภูมิต้านทานได้น้อยกว่า ก็คงจะต้องใช้การกระตุ้นเข็มที่ 3 ให้ระดับภูมิต้านทานสูงขึ้น เพื่อป้องกันสายพันธุ์เดลต้า จนกว่าจะมีการพัฒนาวัคซีนใหม่ให้ตรงกับสายพันธุ์ที่มีการระบาด
เช่นเดียวกันกับวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงทุกปี และในการเปลี่ยนแปลงของวัคซีนไข้หวัดใหญ่ ในบางปีการคาดการณ์ก็ไม่ถูกเช่นเดียวกัน แต่ละปีวัคซีนไข้หวัดใหญ่จึงมีประสิทธิภาพที่แตกต่างกัน
ประเทศไทยจำเป็นที่จะต้องเฝ้าระวังดูสายพันธุ์ที่ระบาดอย่างต่อเนื่องว่าเป็นสายพันธุ์อะไร และป้องกันไม่ให้สายพันธุ์เดลต้าระบาดขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เพื่อรอจำนวนวัคซีนที่จะมา และหรือแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงชนิดของวัคซีนในอนาคต ให้ตรง และจำเพาะกับสายพันธุ์