หนุ่มสุโขทัย ฝ่ามรสุมชีวิตทั้งสูญเสียพ่อ-แม่ ตัดขาทิ้ง ติดโควิด-19 แต่ยังยิ้มสู้ไม่ถอย
14 มิ.ย. 2564, 16:00
14 มิ.ย.64 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจ "สุโขทัยโพสต์" ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 169,000 คน ได้มีการเผยแพร่คลิปสัมภาษณ์เรื่องราวชีวิตหนุ่มสุโขทัย ผู้ไม่ยอมแพ้โชคชะตา แม้ต้องเจอมรสุมชีวิตแสนสาหัส ทั้งการสูญเสียพ่อแม่ ถูกตัดขาทิ้งสองข้างเพราะกินหลู้ดิบ ค่ารักษา 2 ล้าน ยังเจอไฟไหม้รถเก๋ง ค่าซ่อมเกือบ 2 แสน แถมเป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 รายแรกของอำเภอคีรีมาศ แต่ก็ยืนหยัดยิ้มสู้ชีวิต มีความสุขกับปัจจุบัน ล่าสุดใช้เวลาว่างวาดภาพศิลปะบนกำแพงโรงเรียน มอบเป็นของขวัญแก่น้องๆ ต้อนรับเปิดเทอม โดยหลังคลิปเผยแพร่ออกไป ก็ทำให้มีชาวเน็ตเข้ามาชื่นชมพลังคิดบวก พร้อมให้กำลังใจ และแชร์ต่อจำนวนมาก
สำหรับหนุ่มผู้ไม่ยอมแพ้โชคชะตาดังกล่าว มีชื่อว่า นายนพรัตน์ มิลินทานุช หรือเปา อายุ 39 ปี ชาว ต.ทุ่งหลวง อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย ปัจจุบันประกอบอาชีพออแกไนซ์รับจัดงานอีเว้นท์ เป็นคนหนุ่มรูปร่างหน้าตาดี จบปริญญาตรีคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง เป็นคนสู้ชีวิต ขยัน และทำงานส่งตัวเองเรียนจนจบ
นายนพรัตน์ เปิดเผยว่า พ่อป่วยเสียชีวิตเมื่อปี 2549 (ขณะอายุ 58 ปี) แม่ป่วยเสียชีวิตเมื่อปี 2555 (ขณะอายุ 55 ปี) จากนั้นในช่วงสงกรานต์ ปี 2559 ก็เจอเรื่องเลวร้ายที่ทำให้ชีวิตต้องเปลี่ยนไปตลอดกาล หลังตั้งวงสังสรรค์กินหลู้หมูดิบกับเพื่อนๆ จนติดเชื้อในกระแสเลือด ต้องตัดขาทิ้งทั้งสองข้าง ใส่ขาเทียมแทน รวมระยะเวลาป่วย พักฟื้น หัดเดิน นาน 10 เดือน และเสียค่ารักษากว่า 2 ล้านบาท ขณะที่เพื่อนอีก 4 คนที่นั่งกินหลู้ดิบด้วยกันปลอดภัย แค่ท้องเสียเท่านั้น
ส่วนกรณีไฟไหม้รถเก๋งส่วนตัว โตโยต้า ยาริส เกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม 2564 ขณะขับรถมากับแฟนสาวจะกลับบ้าน จู่ๆเกิดไฟลุกไหม้ตรงคอนโซล สาเหตุจากติดตั้งกล้องหน้ารถไม่ได้มาตรฐาน โชคดีหนีออกมาได้ก่อนประตูรถจะล็อคเองทุกด้าน และมีคนมาช่วยดับไฟได้ทัน แต่ก็เสียค่าซ่อมไปทั้งหมดเกือบ 2 แสนบาท
นายนพรัตน์ บอกอีกว่า เรื่องแย่ๆยังไม่หมดแค่นั้น พอมาช่วงสงกรานต์ เมษายน 2564 ที่ผ่านมา ตนเองไปจัดงานในมอเตอร์โชว์ กรุงเทพฯ แล้วมีคนติดเชื้อโควิด-19 มาเดินเที่ยวงาน ทำให้ตนเองติดไปด้วย กลายเป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิดรายแรกของ อ.คีรีมาศ จ.สุโขทัย แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง เพราะไม่มีอาการป่วยใดๆ และไม่ได้แพร่เชื้อให้ใครต่อ ช่วงนั้นจะกินก็แต่ยาแก้เครียดเท่านั้น เป็นห่วงความรู้สึกของคนในหมู่บ้าน เพราะต่างก็กลัวโรคนี้
“จากเรื่องเลวร้ายที่เจอ ก็เคยเกือบอยากตายเหมือนกัน แต่เหมือนมีอะไรบางอย่างเลือกให้เราอยู่ต่อ เลยคิดได้ว่าสิ่งที่เราเสียไป มันเล็กน้อยกว่าสิ่งที่เราทำได้ เราต้องอยู่ต่อเพื่อทำอะไรสักอย่าง จึงเริ่มจากเก็บเงินทำบ้านให้น้องๆอยู่ ให้ครอบครัวได้มีบ้าน คนเราแค่ช่วยเหลือตัวเองได้ ก็วิเศษมากแล้ว ไม่ได้โทษโชคชะตา เพราะคนเราเกิดมามีปัญหาทุกคน ถ้าเราคิดลบชีวิตก็ลบ ถ้าเราคิดบวกชีวิตก็บวก”
นายนพรัตน์ กล่าวให้กำลังใจกับคนที่คิดท้อถอยด้วยว่า ปัญหานั้นมีกันทุกคน ถ้าเรามีสติกับปัญหาหรือเรื่องแย่ๆ ค่อยๆคิด ค่อยๆแก้ไข เราจะผ่านมันไปได้ กำลังใจคนรอบข้าง เพื่อนฝูง ญาติพี่น้องก็สำคัญ แต่กำลังใจที่สำคัญที่สุด คือกำลังใจจากตัวเราเอง ต้องไม่ยอมแพ้ ตอนนี้ผมมีแค่ขาเทียม ถ้าวันนี้คุณมีครบ 32 มีความสามารถทำอะไรได้หลายอย่างมากกว่าผม ก็เชื่อว่าทุกคนต้องกลับมาอยู่ในเส้นทางของตัวเองได้ ถ้าไม่ยอมแพ้
จากพลังความคิดด้านบวก และความเป็นนักสู้ไม่ยอมแพ้โชคชะตานี้เอง ทำให้ชาวเน็ตชื่นชม และยกย่องความเป็นแบบอย่างที่ดีของนายนพรัตน์ ทั้งยังทำให้คนที่กำลังคิดท้อแท้ ได้มีกำลังใจสู้ชีวิตต่อไปอีกด้วย
ขอบคุณ : สุโขทัยโพสต์