ตร.ทลายแก๊งโรแมนซ์สแกมรักลวงหลอกออนไลน์ เปิดร้านอาหารฟอกเงินเหยื่อ
25 พ.ค. 2564, 13:46
วันที่ 25 พฤษภาคม ตำรวจกองปราบปรามแถลงผลปฏิบัติการบุกทลายเครือข่ายโรแมนซ์สแกมเข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 7 จุดในพื้นที่กรุงเทพ นครสวรรค์ ภูเก็ตและปทุมธานี จนสามารถจับกุมผู้ต้องหาขบวนการดังกล่าวได้จำนวน 6 คน
พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม ผู้บังคับการปราบปรามกล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อปลายปีก่แนได้มีผู้เสียหายเข้าร้องเรียนถูกแก๊งโรแมนซ์สแกมหลอกเงินไปเป็นจำนวนกว่า 1 ล้านบาท โดยแก๊งดังกล่าวทำกันเป็นขบวนการ มีผู้ร่วมกระทำผิดหลายรายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
โดยเริ่มแรกจะเปิดบัญชีแอคเคาท์อินสตราแกรม ใช้ชื่อว่า Mr.Lanny Gray ติดต่อไปหาผู้เสียหาย ทำทีตีสนิทในเชิงชู้สาวอ้างตัวเป็นนักธุรกิจสัญชาติอเมริกา วัยเกษียณ ทำงานอยู่ที่ประเทศมาเลเซีย เมื่อเริ่มสนิทสนมกันจึงเปลี่ยนไปพูดคุยผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์เพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ รวมถึงส่งข้อความในเชิงให้ความหวังว่าจะเดินทางมาใช้ชีวิตร่วมกันกับผู้เสียหายที่ประเทศไทย จนผู้เสียหายเกิดความเชื่อใจ
จากนั้นก็จะทำทีอ้างว่าได้ส่งของมีค่า เช่น กระเป๋าเดินทาง หรือ กล่องพัสดุ ที่ภายในบรรจุทรัพย์สินมีค่าสำคัญหลายอย่างมาให้ ขอให้ผู้เสียหายช่วยรับของดังกล่าวไว้ ต่อมาก็จะให้ผู้ร่วมขบวนการคนไทยโทรศัพท์มาหาผู้เสียหายอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่บริษัทส่งสินค้าระหว่างประเทศแจ้งว่ากระเป๋าเดินทางและกล่องพัสดุดังกล่าวมาถึงประเทศไทยแล้ว แต่มีขั้นตอนการดำเนินการส่งสินค้าและมีค่าธรรมเนียมต่างๆ ที่ต้องชำระเงินเอง
เมื่อผู้เสียหายจึงหลงเชื่อยอมโอนเงินไปให้ตามที่ถูกเรียกร้อง รวมเป็นเงินทั้งสิ้นเกือบ 1 ล้านบาท แต่หลังจากจ่ายเงินไปแล้ว กลับไม่ได้รับของแต่อย่างใด อ้างว่ายังอยู่ระหว่างดำเนินการ ภายหลังจากได้เงินจากเหยื่อรอบแรกไปแล้วขบวนการดังกล่าวยังวางแผนที่จะหลอกเงินเหยื่อเพิ่มอีก โดยการให้ผู้ร่วมขบวนการโทรศัพท์ติดต่อมาอ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจากประเทศมาเลเซียบอกกับผู้เสียหายว่า Mr.Lanny Gray ประสบอุบัติเหตุ ได้รับบาดเจ็บสาหัสรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล ขอเรียกเก็บเงินเพื่อสำรองค่ารักษาพยาบาลจากผู้เสียหายอีกเกือบ 500,000 บาท แต่ผู้เสียหายเกิดเอะใจ พยายามติดต่อกลับเพื่อสอบถามเมื่อเห็นว่าไม่สามารถติดต่อได้ จึงตัดสินใจไม่โอนเงินไปให้เพราะเชื่อว่าน่าจะถูกหลอก ก่อนนำเรื่องเข้าแจ้งความ ทางพ.ต.อ.วิวัฒน์ จิตโสภากุล ผกก.3 บก.ป. กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมใช้เวลาสืบสวนกว่า 5 เดือน จนพบพยานหลักฐานว่ากลุ่มคนร้ายมีด้วยกันทั้งหมด 7 คน มีสามีภรรยาเป็นหัวหน้า โดยสามีเป็นชาวไนจีเรีย ผู้หญิงเป็นคนไทยทำกันเป็นขบวนการ แบ่งหน้าที่ วางแผนเป็นขั้นตอน ในช่วง 2-3 ปี หลังมีผู้หลงเชื่อตกเป็นเหยื่อถูกหลอกหลายราย อีกทั้งจากการตรวจสอบเส้นทางการเงินเครือข่าวดังกล่าวพบมีการโอนเงินจากบัญชีอื่น เข้ามายังบัญชีของกลุ่มคนร้ายที่เปิดในชื่อของบุคคลอื่นประมาณ 50 บัญชี ซึ่งเมื่อได้เงินมาแล้วก็จะไปถอนจากตู้เอทีเอ็มออกมาเป็นเงินสด แล้วนำฝากเข้าบัญชีส่วนตัว เพื่อให้ยากต่อการตรวจสอบ ซึ่งจากการตรวจสอบบัญชีธนาคารของภรรยาคนไทวพบเฉพาะเพียงแค่ปี 2563-2564 มีเงินหมุนเวียนในบัญชีถึง 200 ล้านบาท อีกทั้งจากการตรวจค้นร้านอาหารและร้านรับแลกเงินของสามีต่างชาติ ที่คาดว่าเป็นการประกอบธุรกิจบังหน้า พบเอกสารการแลกเงินตราไปต่างประเทศเป็นจำนวนมาก ทำให้เชื่อว่าน่าจะเป็นวิธีการฟอกเงินอย่างหนึ่ง จึงได้ตรวจยึดไว้เป็นหลักฐานเพื่อขยายผลสืบสวนต่อไป นอกจากนี้จากตรวจสอบประวัติสามีไนจีเรีย พบเคยก่อเหตุในลักษณะเดียวกัน เมื่อปี 2561 ในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ โดยในครั้งนั้นกลุ่มคนร้ายได้อ้างตัวว่าเป็นทหารแอฟริกันปลดประจำการ ซึ่งขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการสอบสวน และเชื่อว่ายังมีผู้เสียหายอีกหลายรายที่ตกเป็นเหยื่อขบวนการโรแมนซ์สแกมนี้ จากการสอบสวน ผู้ต้องหาทั้ง 6 คน ยังคงให้การปฏิเสธ เบื้องต้นจึงแจ้งข้อกล่าวหาตามหมายจับ ก่อนนำตัวส่ง สน.วังทองหลาง ดำเนินการตามกฎหมายพร้อมกับขยายผลติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่อยู่ระหว่างการหลบหนีที่เหลืออีก 1 คนต่อไป