จากกรณีนางสาวอำภา แสนโคตร หรือเขียว อายุ 29 ปี คลั่งยาบ้าจนจิตหลอนจุดไฟเผาบ้านตนเองดำเป็นตอตะโก ญาติต้องนำตัวส่งโรงพยาบาลจิตเวชนครพนมราชนครินทร์ เพื่อให้แพทย์ดำเนินการรักษา เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 19.30 น. วันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา ณ บ้านเลขที่ 34 หมู่ 10 บ้านท่าศาลา ต.นาขมิ้น อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม

จากการสอบสวนเบื้องต้น พบว่าในอดีต น.ส.เขียวเป็นคนนิสัยดีขยันขันแข็ง หลังจากได้สามีก็ชักพาเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาบ้าจนติดงอมแงม ถึงขั้นมีอาการคลุ้มคลั่งทำลายข้าวของ ก่อนจะเลิกรากันในเวลาต่อมา จากนั้น น.ส.เขียวก็โดดลงสู่วังวนยาเสพติดเต็มตัว มั่วสุมกับกลุ่มผู้เสพในหมู่บ้าน หากไม่มีเงินซื้อก็เอาตัวเองแลกกับยาบ้ามาเสพ ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

ล่าสุด วันที่ 19 พฤษภาคม 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ได้ขยายผลจากการแจ้งข่าวของชาวบ้านว่า มีผู้ต้องสงสัยไม่น้อยกว่า 2 คนที่มีความสนิทกับ น.ส.เขียวจนผิดสังเกต จึงสืบสวนในเชิงลึกจนทราบว่า สองผู้ต้องสงสัยมีรายชื่ออยู่ในประวัติอาชญากรรมของตำรวจ คือ 1.นายเกตุ อายุ 73 ปี  2.นายนุ่ย  อายุ 39 ปี และทราบว่านายเกตุพักอยู่ที่กระท่อมกลางนาที่ห่างจากชุมชนประมาณ 4 กิโลเมตร จึงเดินทางไปกระท่อมดังกล่าวแต่ไม่พบตัวผู้ต้องสงสัย  โดยชาวบ้านบอกว่านายเกตุเข้าไปในบ้านโพนบกหมู่ 11 ต.โพนบก จึงติดตามไปพบนายเกตุยืนเก้ๆกังๆอยู่หลังบ้าน ชุดปฏิบัติงานได้แสดงตัวขอตรวจค้นไม่พบยาเสพติด แต่ตรวจฉี่เป็นสีม่วง จึงนำตัวไปสอบสวนที่ สภ.โพนสวรรค์ ส่วนเจ้าของบ้านที่นายเกตุไปนั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ

นายเกตุให้การรับสารภาพว่า มั่วสุมเสพยาบ้าร่วมกับ น.ส.เขียว สาวที่จุดไฟเผาบ้านจริง โดยซัดทอดว่า มีนายนุ่ย เป็นคนนำยามาขายให้เสพในราคาเม็ดละ 80 บาท เจ้าหน้าที่จึงกระจายกำลังกันตามล่าตัวนายนุ่ย ไปพบอยู่ที่ทุ่งนาในหมู่บ้านโพนบกหมู่ที่ 2 ต.โพนบก พอนายนุ่ยพบเจ้าหน้าที่ก็โยนวัตถุบางอย่างทิ้งแล้ววิ่งหลบหนี แต่ก็ถูกไล่จับกุมตัวได้แล้วพามายังจุดที่ทิ้งวัตถุต้องสงสัย พบเป็นยาบ้าจำนวน 28 เม็ด นำตัวไปตรวจฉี่พบเป็นสีม่วงเช่นเดียวกัน

นายนุ่ย ให้การว่า ตัวเองทำหน้าที่เดินยาในกับขบวนการค้ายาเสพติด โดยใช้กระท่อมกลางนาของนายเกตุเป็นแหล่งมั่วสุม ซึ่ง น.ส.เขียวก็จะมาขลุกอยู่ที่กระท่อมแห่งนี้ โดยยอมร่วมหลับนอนกับตนเพื่อแลกกับยาบ้าเสพ ส่วนนายเกตุไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ด้วยเพราะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ จะมีวัยรุ่นบางคนเท่านั้นที่มาแจมด้วย

หลังสอบสวนแล้วก็ให้ผู้ต้องหาทั้งสองพาไปค้นกระท่อมหลังดังกล่าว ปรากฏว่าที่กระท่อมพบ พี่สาวของนายเกตุคือ นางประเสริฐ อายุ 78 ปี นั่งอยู่ในนั้นเพียงคนเดียว เจ้าหน้าที่จึงให้นางประเสริฐแสดงความบริสุทธิ์ด้วยการยินยอมให้ตรวจค้น ก็พบยาบ้าเหน็บอยู่ที่เอวของนางประเสริฐจำนวน 403 เม็ด โดยอ้างว่า นายนุ่ยเป็นคนเอายาบ้ามาฝากไว้ และไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ เจ้าหน้าที่จึงตัวไปผลตรวจฉี่ไม่พบสารเสพติด จึงตั้งข้อกล่าวหาแก่นางประเสริฐว่า มียาเสพติดให้โทษ ประเภท 1(ยาบ้า) ไว้ครอบครองและเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย ส่วนนายนุ่ยแจ้งข้อกล่าวหา 1. มียาเสพติดให้โทษ ประเภท 1(ยาบ้า) ไว้ครอบครองและเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และ 2.เสพยาเสพติดให้โทษ ส่วนนายเกตุก็โดนข้อหาเสพเช่นเดียวกัน นำตัวผู้ต้องหาส่งฝากขังผัดแรกต่อศาลจังหวัดนครพนม โดยคัดค้านการประกันตัว

ด้าน พ.ต.อ.สุระชัย จันทร์อ้วน ผกก.สภ.โพนสวรรค์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว หลังจัดกิจกรรม  Big Cleaning Day หน้าบ้านน่ามอง ตามโครงการของจังหวัดนครพนม  ว่า การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย เป็นไปตามนโยบายของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ในโครงการนาคาพิทักษ์รักษ์ประชา ซึ่ง พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ. 4 มอบนโยบายดังกล่าวให้กับ ผบก.ภ.จ.ว.ต่างๆ นำไปปฏิบัติก็ได้ผลเป็นอย่างดี มีประชาชนเป็นแหล่งข่าวให้ข้อมูล เช่นเดียวกับ 3 รายนี้ที่ประชาชนเป็นผู้ชี้เป้าตัวผู้ต้องหา ส่วนการขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการอยู่ในสำนวนการสอบสวนหมดแล้ว

สำหรับ น.ส.เขียวมีประวัติปรากฏในสารบบผู้เกี่ยวข้องยาเสพติด ตั้งแต่ปี 2555 ขณะนั้นอายุ 21 ปี ถูกจับกุมในข้อหาเสพยาเสพติดให้โทษ(ยาบ้า) ส่งตัวเข้ารับการบำบัดกลับออกมาก็ยังเสพเช่นเดิม กระทั่งปี 2557 ก็ถูกจับกุมในข้อหาเดิมอีกครั้ง แต่เริ่มมีอาการคลุ้มคลั่งมากกว่าปกติ ล่าสุดเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2564 น.ส.เขียวถูกจับกุมในข้อหามียาบ้าจำนวน 3 เม็ด และตรวจฉี่เป็นสีม่วง ส่งตัวเข้ารับการบำบัดแต่ผู้ป่วยแสดงอาการทางจิตเวชร่วมด้วย เมื่อถึงกำหนดการควบคุมก็ต้องปล่อยตัวกลับบ้าน และให้ผู้ที่รับการบำบัดรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ จนกว่าจะครบกำหนดในวันที่ 28 พฤษภาคมที่จะถึงนี้  ซึ่ง น.ส.เขียวไม่ยอมไปรายงานตัวเนื่องจากไม่ค่อยอยู่บ้านกระทั่งมาก่อเหตุจุดไฟเผาบ้านตัวเองดังกล่าว