วันที่ 15 พฤษภาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) กล่าวว่า ขณะนี้มีมติในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศปก.ศบค.) เห็นชอบข้อเสนอจากกระทรวงสาธารณสุขในการปรับจังหวัดตามระดับสี ซึ่งจะนำเสนอต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ ผอ.ศบค. หากเห็นชอบก็จะมีคำสั่ง

1.พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด จาก 6 เหลือ 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ 

2.พื้นที่ควบคุมสูงสุด จาก 45 เหลือ 17 จังหวัด ได้แก่ กาญจนบุรี ชลบุรี ฉะเชิงเทรา ตาก นครปฐม นครศรีธรรมราช นราธิวาส ประจวบคีรีขันธ์ พระนครศรีอยุธยา เพชรบุรี ยะลา ระนอง ระยอง ราชบุรี สมุทรสาคร สงขลา และสุราษฎร์ธานี 

3.พื้นที่ควบคุม จาก 26 เป็น 56 จังหวัดที่เหลือ

“มาตรการพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด นั่งรับประทานอาหารในร้านได้ไม่เกิน 25% เปิดได้ถึง 21.00 น. สั่งซื้อกลับบ้านได้ไม่เกิน 23.00 น. ซึ่งครั้งนี้มีความเห็นที่แตกต่างกัน โดยจะเปิดร้านอาหารเพื่อผ่อนคลายมาตรการที่ปรับเปลี่ยนได้ แต่ที่ประชุมพูดคุยกันว่า การผ่อนคลายจะมี 2 กลุ่มคนเสมอคือ กลุ่มที่เฮที่ได้ผ่อนคลาย และกลุ่มคนที่ยังกังวลใจ เป็นสิ่งที่คณะกรรมการต้องบริหารทุกเรื่องทั้งยุทธศาสตร์ มาตรการและทางอารมณ์ วันนี้จึงเชิญกรมอนามัย สมาคมภัตตาคารไทย มาให้คำมั่นสัญญา สมาชิกสมาคมฯ ผู้ประกอบการให้ความร่วมมือเต็มที่ตามมาตรการหลัก มาตรการเสริม มาตรการจำเพาะ โดยมีการขอให้ทำได้จริงๆ” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวอีกว่า สถานประกอบการสามารถประเมินตนเองผ่านแพลตฟอร์ม Thai Stop COVID Plus เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจเองและการร้องเรียนจากประชาชน แต่ก็มีข้อกังวลว่า สำหรับโต๊ะ 4 ที่นั่งแต่นั่งได้ 1 ที่ หากมากับลูกหลานแล้วเจ้าของร้านก็ยินยอมด้วยจะทำอย่างไร ก็ขอให้เจ้าหน้าที่ภาครัฐเข้าไปกำกับ รวมถึงประชาชนที่รับทราบข้อกำหนดต่างๆ ก็สามารถส่งข้อมูลมาได้ทางสายด่วน เฟซบุ๊กของหน่วยงานรัฐ เป็นการดูแลซึ่งกันและกันเพื่อให้มาตรการผ่อนคลายเกิดขึ้นจริง ซึ่ง ผอ.ศปก.ศบค.แจ้งว่า มีมาตรการ 4 อย่างที่นำเสนอคือ 1.ลดที่นั่ง เว้นระยะห่างใน 25% ของพื้นที่ 2.มาตรการเร่งฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้ผู้ประกอบการร้านอาหารตามความจำเป็น คาดว่าหลักแสนราย 3.การกำกับมาตรการให้เข้มข้น โดยมอบหมายให้หน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าไปดูแล หากผิดครั้งที่ 1 ให้ตักเตือนแต่หากครั้งต่อไปสามารถสั่งปิดร้านได้ ตามอำนาจของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด 4.ประเมินระยะยาว หากเกิดเหตุว่าจะติดเชื้อจากการผ่อนคลายมาตรการก็สามารถกลับไปปิดแบบเดิมได้