ผู้ว่าฯ ยะลา ยกระดับเข้มคุมโควิด-19 ห้ามข้าราชการ-บุคลากรภาครัฐ ออกนอกพื้นที่จังหวัด
1 พ.ค. 2564, 20:23
เมื่อวันที่ 1 พ.ค.64 นายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้ลงนามในหนังสือที่ ยล 00233 /ว4064 ลงวันที่ 29 เม.ย.64 เรื่อง ห้ามข้าราชการและบุคลากรภาครัฐออกนอกพื้นที่จังหวัด ยะลา ถึงหัวหน้าส่วนราชการทุกส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง นายอำเภอทุกอำเภอ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลานายกเทศมนตรีนครยะลา นายกเทศมนตรีเมืองเบตง นายกเทศบาลตำบล องค์การบริหารส่วตำบล (อบต.)เรื่อง ห้ามข้าราชการและบุคลากรภาครัฐ ออกนอกพื้นที่จังหวัดยะลา
โดยหนังสือระบุว่า เนื่องด้วยปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ได้กระจายเป็นวงกว้างและมีตจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับพื้นที่จังหวัดข้างเคียงเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดตามมติคณะกรรมการโรคติดต่อ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข และคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดยะลา มีมติให้ชอบมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)
ซึ่งประธานโรคติดต่อจังหวัดยะลาได้มีคำสั่งศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 จังหวัดยะลาที่28/2564ลงวันที่ 28 เมษายน 2564 เรื่องปิดสถานที่เสี่ยง และกำหนดมาตรการ เฝ้าระวัง ป้องกัน และควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ ไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)จังหวัดยะลาพิจารณาแล้วเพื่อให้การปฏิบัติเกี่ยวกับการเดินทางเข้า-อกกพื้นที่จังหวัดยะลาของข้าราชการ พนักงาน ลูกจ้าง ผู้ปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดยะลา มีประสิทธิภาพและเหมาะสมกับสถานการณ์ จึงขอความร่วมมืองดการเดินทางออกนอกพื้นที่จังหวัดยะลา กรณีหากมีความจำเป็นต้องทำหนังสือขออนุญาตก่อน หลังพบโควิด-19ระบาดต่อเนื่องหากมีการฝ่าฝืน ไม่ปฏิบัติตามถูกดำเนินการทางวินัย
ขณะที่ นายเอก ยังอภัย ณ สงขลา นายอำเภอเบตง กล่าวว่า นายชัยสิทธิ์ พานิชพงศ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ได้กล่าวในที่ประชุมว่า ในช่วงที่ผ่านมาพื้นที่จังหวัดยะลา ยังพบแพร่ระบาดใน 3 อำเภอ คือ อำเภอเมือง อำเภอเบตง และอำเภอกรงปินัง ซึ่งยังมีแนวโน้มเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ทางจังหวัดยะลา จึงมีความจำเป็นที่จะต้องยกระดับมาตรการ ซึ่งมาตรการที่ดีที่สุดคือการชะลอหรือหยุดการเคลื่อนไหวของประชาชนเพื่อไม่ให้นำเชื้อไปแพร่ตามที่ต่างๆ ดังนั้นการยกระดับมาตรการต้องทำพร้อมกันในทุกด้าน ทั้งการคัดกรองผู้มีความเสี่ยงในพื้นที่ การตั้งด่านรอยต่อระหว่างจังหวัด และการห้ามบุคคลออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 22.00-04.00 น. โดยจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่ 1-18 พ.ค.2564
ขณะที่บรรยากาศการท่องเที่ยวและย่านการค้า ซึ่งถือว่าเป็นย่านที่มีศูนย์การค้ารวมไปถึงโรงแรมที่พักมากมาย เป็นแหล่งรวมของวัยรุ่นและนักท่องเที่ยวที่มาจับจ่ายใช้สอยอย่างคึกคักในอดีต แต่ในปัจจุบันที่มีการระบาดของโควิดระลอก 3 ปรากฏว่าเงียบเหงาไร้นักท่องเที่ยว ทำให้หลายร้านโดยเฉพาะผู้ค้ารายย่อยที่เป็นร้านค้าขนาดเล็กหาเช้ากินค่ำ ต้องปิดกิจการทิ้งไว้แต่ร้านร้างว่างเปล่า ส่วนที่เป็นร้านค้าตลาดนัดก็ไร้ผู้คนออกมาเดินจับจ่ายซื้อของเช่นกัน