"นครพนม" พบผู้ติดเชื้อโควิด เพิ่มอีก 2 ราย หายกลับบ้าน 9 ราย
30 เม.ย. 2564, 16:47
วันที่ 30 เมษายน 2564 นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ประธานคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนครพนม พร้อมด้วย นายแพทย์มานพ ฉลาดธัญญกิจ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม นายแพทย์สมโภชน์ กังวานธีรวัฒน์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลนครพนม และ พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม ร่วมแถลงข่าวกรณีพบผู้ติดเชื้อโควิด -19 เพิ่ม 2 ราย (รายที่ 101-102)
นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.นพ. กล่าวว่า วันนี้ยอดผู้ติดเชื้อพบเพียงแค่ 2 ราย ซึ่งถือได้ว่าเป็นยอดตรวจพบที่น้อยที่สุดตั้งแต่เกิดการระบาดในระลอก 3 ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีหากพบยอดผู้ติดเชื้อน้อยลงเรื่อยๆ ซึ่งทั้งหมดก็เป็นผลจากการที่ทีมแพทย์ทำการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก เพราะเป็นการนำคนป่วยมาใส่โรงพยาบาล โดยที่ไม่ต้องรอให้คนป่วยแสดงอาการแล้วค่อยมาหาหมอ ทำให้การกระจายเชื้อเป็นวงกว้างเกิดขึ้นได้น้อย เพราะคนที่มีเชื้อแม้ไม่แสดงอาการก็อยู่ภายใต้การดูแลของหมอซะส่วนใหญ่ สำหรับเคสคลัสเตอร์ก็ปิดจบไปแล้ว ตอนนี้เราต้องเฝ้าระวังผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง หรือว่าหนีตายจากพื้นที่เสี่ยงเพื่อที่จะมาอยู่ที่บ้านของตนเองให้เค้าได้เข้ารับการตรวจคัดกรองหาเชื้ออย่างถูกต้องทุกคน เพราะฉะนั้นแล้วทุกๆคนก็ต้องช่วยกันเป็นหูเป็นตาช่วยเจ้าหน้าที่สอดส่องคนใกล้บ้าน หากพบว่ามีใครเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงแล้วไม่กักตัว ก็ให้แจ้งไปยังผู้นำชุมชน อสม. สาธารณสุข หรือนายอำเภอ เพื่อที่จะได้นำเขาเหล่านั้นเข้าสู่กระบวนการการคัดกรองและกักตัวอย่างถูกต้อง และสำหรับใครที่มีญาติโดยสารมาทางเครื่องบิน หากจำเป็นจะต้องเดินทางมารับที่สนามบิน ก็อยากให้มาเพียงคนขับรถคนเดียวจะปลอดภัยที่สุด และขอให้งดการแวะระหว่างทาง เพื่อที่จะได้ไม่เป็นการเพิ่มไทม์ไลน์หากตรวจพบเชื้อในภายหลัง
ด้านนพ.มานพ ฉลาดธัญญกิจ นพ.สสจ.นพ กล่าวว่า สำหรับยอดผู้ติดเชื้อ 2 รายในวันนี้ถือว่าเป็นที่น่าพอใจ เพราะเป็นยอดที่น้อยที่สุดที่พบมา แม้ว่าอาจจะมีโอกาสพบผู้ติดเชื้อเป็น 0 ได้น้อย เพราะเรายังคงต้องเฝ้าระวังในเคสที่เริ่มทยอยเดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงกันอยู่ แต่หากทุกคนให้ความร่วมมือเข้าสู่กระบวนการคัดกรอง ทางเราก็จะสามารถรับมือได้ไม่ยาก โดยยกตัวอย่างเคสพ่อ แม่ ลูก ที่ อ.วังยาง ซึ่งทั้ง 3 รายรู้ตัวว่าตนมาจากพื้นที่เสี่ยง เมื่อถึงนครพนมก็ขับรถไปขอรับการตรวจที่โรงพยาบาลทันที และพร้อมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ทุกอย่าง จึงทำให้ไม่เกิดผู้สัมผัสเสี่ยงเพิ่มขึ้น ดังนั้น หากทุกคนที่เดินทางมาแล้วเข้าสู่กระบวนการถูกต้อง ก็จะไม่ทำให้การติดเชื้อขยายวงกว้างมากขึ้น เราก็จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ง่ายและรวดเร็ว
สำหรับเคสผู้ติดเชื้อทั้ง 2 รายในวันนี้นั้น เป็นในส่วนของผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงและสัมผัสผู้ป่วยยืนยันรายก่อนหน้า โดยรายที่ 101 เป็นเพศหญิง อายุ 16 ปี เดินทางมาจาก จ.สมุทรปราการ เมื่อมาถึงนครพนมก็เข้าสู่กระบวนการกักตัว จนกระทั่งตรวจว่าพบเชื้อ และเข้ารับการรักษาที่รพ.บ้านแพง รายที่ 102 เพศชาย อายุ 52 ปี มีไทม์ไลน์ใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อยืนยัน รายที่ 81,82 ของ จ.นครพนม ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ป่วยทั้ง 2 ราย (81,82) มีการปกปิดข้อมูลเรื่องการสัมผัสกับผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยง จึงอยากจะฝากประชาชนว่า อย่าปกปิดข้อมูล ขอให้แจ้งข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ตามความจริง ไม่ต้องกลัวว่าจะมีความผิด เพราะการปกปิดข้อมูลจะทำให้ยากต่อการสอบสวนโรค และอาจจะเป็นผลลบต่อคนใกล้ชิดของตนเองด้วย ในส่วนของการตรวจคัดกรองที่สนามบินนั้น เราจะใช้การตรวจเชื้อโดยตรงตรงจากการตรวจแบบ rapid test เป็นการตรวจหาระดับภูมิคุ้มกันในร่างกาย ซึ่งจะตรวจได้หลังจากเริ่มมีอาการป่วยไปแล้ว 5-7 วัน โดยจะใช้เวลารอผลประมาณ 2 ชั่วโมง หลังผลออกจึงจะสามารถเดินทางกลับไปกักตัวได้
นพ.สมโภชน์ กังวานธีรวัฒน์ ผอ.รพ.นพ. ได้รายงานถึงจำนวนผู้ติดเชื้อในจังหวัดนครพนมว่า วันนี้พบผู้ติดเชื้อเพิ่มเพียง 2 ราย รวมแล้วมียอดผู้ติดเชื้อสะสมทั้งสิ้น 102 ราย เสียชีวิต 1 ราย วันนี้รักษาหาย 9 ราย รวมรักษาหายแล้ว 24 ราย ซึ่งผู้ที่รักษาหายแล้วจะต้องกลับไปสังเกตุอาการที่บ้านต่ออีก 14 วัน เพราะฉะนั้น ณ วันนี้ ยังคงมีผู้ที่ต้องรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลจำนวน 77 ราย ไม่มีผู้ป่วยที่อยู่ในขั้นวิกฤติ ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบนั้นมีจำนวน 16 ราย ได้รับยาฆ่าเชื้อไวรัสและยาต้านการอักเสบ พร้อมกับให้ออกซิเจนทุกราย โดยทุกรายมีแนวโน้มในการรักษาดีขึ้นเรื่อยๆ ฝากถึงประชาชนหากไม่มีความจำเป็นขอความกรุณางดเดินทางไปที่โรงพยาบาล หากมีเหตุจำเป็นก็ขอให้จำนวนคนที่มาน้อยที่สุด และสำหรับผู้ป่วยที่ต้องรับยาทุกเดือน สามารถติดต่อทางโรงพยาบาลเพื่อขอรับยาทางไปรษณีย์ได้
พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผบก.ภ.จว.นครพนม กล่าวว่าเนื่องจากสถานการณ์ในพื้นที่กรุงเทพฯได้มีข่าวว่า ผู้ป่วยโควิดแจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปแล้ว ไม่มีบุคคลากรที่เพียงพอที่จะคอยตอบคำถาม และประสานงานในเรื่องต่างๆให้ผู้ป่วยได้ทัน ทำให้การดำเนินงานในขั้นตอนต่างๆค่อนข้างช้า จนอาจจะทำให้เกิดการสูญเสีย
เพื่อเป็นการเสริมมาตรการของทางสาธารณสุข ด้านสนง.ตำรวจแห่งชาติก็ได้มีการสั่งการให้ทุกสถานีเปิดคู่สายเพื่อรับแจ้งเหตุโควิด-19 เมื่อรับแจ้งแล้วก็จะช่วยประสานงานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลจังหวัดหรือโรงพยาบาลอำเภอต่างๆ เพื่อที่ผู้ป่วยจะได้รับการช่วยเหลือได้เร็วมากขึ้น
ในเรื่องของกฏหมายของการไม่สวมหน้ากากอนามัยออกนอกเคหะสถานแล้วมีความผิดนั้น ในฐานะของผู้บังคับใช้กฏหมายก็ไม่อยากที่จะจับกุมผู้ใด ก็จะใช้มาตรการประชาสัมพันธ์เป็นหลัก โดยมอบหมายให้ทุกสถานีใช้รถสายตรวจหรือรถจราจรออกไปประชาสัมพันธ์ให้ชาวบ้านทุกๆชุมชน และหมู่บ้าน ให้ชาวบ้านช่วยกันสวมแมสเมื่อออกจากบ้านทุกครั้ง ไม่อยากที่จะจับกุมผู้กระทำความผิด ก็อยากจะให้พี่น้องประชาชนให้ความร่วมมือปฏิบัติตามกฏหมายอย่างเคร่งครัด ส่วนในเรื่องของค่าปรับนั้นเป็นไปตามระเบียบคือ โทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท ครั้งแรกมีโทษปรับ 6,000 บาท ครั้งที่ 2 ปรับ 12,000 บาท และครั้งที่ 3 โทษปรับ 20,000 บาท เป็นไปตามระเบียบที่กำหนดมา หากต้องการที่จะปรับต่ำกว่านั้น พนักงานสอบสวนจะต้องทำการส่งฟ้องไปยังศาล ศาลจะใช้อำนาจในการเปรียบเทียบปรับ ซึ่งอาจจะปรับ 500-1,000 บาท โดยจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของศาลอีกครั้ง