ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า วันที่ 25 เมษายน 2564 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนาย วันชัย หรือ ไข่นาน หมัดหมีน อายุ 30 ปี หนุ่มช่างซ่อมประจำอู่ซ่อมสีขนาดใหญ่แห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี ผู้ต้องหาก่อเหตุฆ่า น.ส.เอ (นามสมติ) อายุ 34 ปี เจ้าหน้าที่นิติกร ศาลจังหวัดเวียงสระ ที่ถูกพบศพอยู่ภายในห้องพักพื้นที่ ต.บ้านส้อง อ.เวียงสระ

ต่อมา พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ได้เดินทางมาควบคุมการคลี่คลายคดีด้วยตนเอง เนื่องจากผู้เสียชีวิตเป็นเจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงยุติธรรม โดยได้มีการนำเพื่อนชายคนสนิทอย่างน้อย 5 คน ของผู้ตายมาสอบสวนปากคำ และพบว่ามี 1 ใน 5 ของเพื่อนสนิทผู้ตายให้การมีท่าทีมีพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามพฤติกรรมจนกระทั่งช่วงเช้าเมื่อวันที่ 24 เมษายนที่ผ่านมา ได้ตัดสินใจเข้าควบคุมตัวนายวันชัย เพื่อมาซักถามปากคำซึ่งจากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าตามร่างกายของ นายวันชัย มีบาดแผลคล้ายถูกเล็บข่วน ซึ่งเจ้าหน้าที่ใช้เวลาสอบสวนและซักถามอยู่นานกว่า 5 ชั่วโมง จนกระทั่งนายวันชัย เปิดปากให้การรับสารภาพ ว่าเป็นผู้ลงมือฆ่าน.ส.เอ แฟนสาวจริง ประกอบกับภายหลังผลการตรวจสอบดีเอ็นเอ ตรงกับพยานหลักฐานที่เจอในห้องที่เกิดเหตุ พนักงานสอบสวนจึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน และขออนุมัติ ต่อศาลจังหวัดเวียงสระออกหมายจับนายในข้อหาฆ่าผู้อื่น ตามหมายจับที่ 6 2/2564 ลงวันที่ 25 เมษายน ขณะที่การสอบสวนขยายผลของชุดสืบสวน เกี่ยวกับการหายไปของอาวุธปืนขนาด 9 มม. ยี่ห้อซิกซาวเออร์ รุ่น พี 365 ของผู้ตาย

ซึ่งต่อมาภายหลัง นายวันชัย ให้การรับสารภาพว่าเป็นผู้นำอาวุธปืนของผู้ตายไปด้วยโดยนำไปซ่อนไว้ในสวนปาล์มในพื้นที่อำเภอท่าชนะ ซึ่งเป็นภูมิลำเนาเดิมของผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่จึงได้นำตัวไปตรวจยึดของกลางกลับมา พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวว่า ในการสอบสวน ปากคำนายวันชัย ผู้ต้องหา ทราบว่า ผู้ต้องหากับผู้ตายคบหากันมาระยะหนึ่งแล้ว หลังรู้จักกันผ่านทาง แอพ TikTok จนก่อนที่จะคบกัน มาได้ระยะหนึ่ง จนกระทั่งก่อนหน้านี้ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาผู้ตายได้บอกเลิกและตัดขาดความสัมพันธ์ จึงได้ตัดสินใจก่อเหตุ ซึ่งจากพยานหลักฐาน ที่ชุดสืบสวน รวบรวมได้ นายวันชัย ผู้ต้องหาได้มีการเตรียมการไว้เป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นการจัดเตรียมเสื้อผ้า รวมถึงการเปลี่ยนใช้รถจักรยานยนต์กับเพื่อนเพื่อเป็นการหลบหนีการจับกุม ซึ่งสาเหตุของการก่อเหตุฆาตกรรมในครั้งนี้มีแรงจูงใจมาจาก เรื่องชู้สาว พล.ต.อ.สุชาติกล่าวด้วยว่าจากการพูดคุยกับนายวันชัย ยอมรับว่าเสียใจมาก เมื่อถูกคนรักบอกเลิก และต่อมาสืบรู้ว่าผู้ตายยังมีผู้ชายอื่นๆ มาติดพันอีกหลายคน แต่ก็ยังคงพยายามง้อขอคืนดีด้วยแต่ผู้ตายไม่ยินยอม วันเกิดเหตุจึงตัดสินใจไปหาที่บ้านเช่า ได้เดินทางด้วยรถ จยย. จากบ้านเช่า พื้นที่ อ.เมืองสุราษฎร์ธานี นำรถไปจอดแอบในสวนปาล์มข้างบ้าน และพยายามเรียกให้เปิดประตู ผู้ตายไม่เปิดจึงพยายามจะเปิดบานเกล็ดหน้าต่าง ผู้ตายจึงเปิดประตูให้ และเกิดการโต้เถียงกัน และได้ล็อคคอจนผู้ตายแน่นิ่ง ก่อนจะเอาผ้าขนหนูที่หลังบ้าน นำร่างผู้ตายมาผูกคอกับพนักเก้าอี้ คล้ายว่าผูกคอตายเอง จากนั้นได้เข้าไปหยิบอาวุธปืนในห้อง และขับรถ จยย. มาที่บ้านพัก และรุ่งเช้าได้ขับรถ นำอาวุธปืนไปฝังดินไว้ ที่บ้านเกิด ก่อนจะเดินทางกลับมายังบ้านเช่า และนำรถคันก่อเหตุไปเปลี่ยนใช้กับเพื่อนคนหนึ่ง แล้วทำทีไม่มีอะไรเกิดขึ้น

พฤติกรรมดังกล่าว เชื่อว่า น่าจะเป็นการเตรียมการมาอย่างดี เพื่อทำร้ายร่างกายผู้ตาย ไม่ใช่การบันดาลโทสะ ซึ่งพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อหาเบื้องต้น ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน ปิดบังอำพรางสาเหตุแห่งการตาย และลักทรัพย์ ก่อนที่จะนำตัว ผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ ที่บ้านเช่าที่เกิดเหตุ โดยเริ่มตั้งแต่นายวันชัยได้ขับรถจักรยานยนต์มาจอดในสวนปาล์มข้างบ้านเช่า และได้เดินเคาะประตูโดยใช้เวลานานกว่า 10 นาทีก่อนที่ผู้ตายจะมาเปิดเมื่อผู้ตายเปิดประตู นายวันชัย ได้เข้าล็อกคอ และทำการอำพรางศพว่า เป็นการผูกคอตาย ทั้งนี้ใช้เวลาทำแผนประมาณ 20 นาที ท่ามกลางการเฝ้าดูของกลุ่มไทยมุงราว 300 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังนำตัวนายวันชัยไปขึ้นรถเพื่อกลับไปยัง สถานีตำรวจนั้น กลุ่มญาติชายหญิงของผู้ตาย ประมาณ 10 คน ซึ่งมาเฝ้าการทำแผนและแฝงตัวกับกลุ่มไทยมุง ได้กรูเข้ามาทำร้าย โดยนายวสันต์  พี่ชายแท้ๆ ร้องไห้ พร้อมตะโกนสาบแช่ง และจะทำร้ายร่างกายผู้ต้องหา แต่เจ้าหน้าที่สามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ โดยไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ