ตำรวจภูธรนครพนม จับยาบ้า 4 แสนเม็ด พร้อมผู้ต้องหา 3 คน
12 เม.ย. 2564, 15:57
วันที่ 12 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าว ONB news รายงานว่า เวลา 12.00 น. บริเวณหน้า สภ.ท่าอุเทน จ.นครพนม นายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม พล.ต.ต.ธนชาติ รอดคลองตัน ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครพนม (ผบก.ภ.จว.ฯ) พ.ต.อ.ศักดิ์ชาย สาดมะเริง รอง ผบก.ฯ พ.ต.อ.แสวง คนคล่อง ผกก.สภ.ท่าอุเทน พ.ต.อ.จตุรงค์ มหิตธิโชติ ผกก.สืบสวน บก.ภ.จว.นครพนม พ.ต.อ.วีระพันธ์ ณ ลำปาง ผกก.บก.ปส.3 บช.ปส. กองกำลังสุรศักดิ์มนตรี กรมทหารพรานที่ 22/หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 21 กองร้อย ตชด.237 และฝ่ายปกครอง แถลงข่าวผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติพร้อมของกลางยาบ้า 4 แสนเม็ด รถยนต์ 2 คัน และผู้ต้องหา จำนวน 3 คน เหตุเกิดเมื่อวันที่ 10 เมษายนที่ผ่านมา
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ได้รับแจ้งจากราษฎรชาวบ้านตาลปากน้ำ ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน ว่าจะมีการลักลอบขนยาบ้าเข้ามาในพื้นที่ชั้นใน จึงได้วางแผนตรวจสกัดบริเวณจุดบริการประชาชนริมถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212(นครพนม-บ้านแพง) หน้าโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลท่าจำปา (รพ.สต.ท่าจำปา) อ.ท่าอุเทน กระทั่งเวลา 19.30 น. พบรถยนต์กระบะตอนเดียวยี่ห้อนิสัน รุ่นบิ๊กเอ็ม สีเขียว ทราบภายหลังว่าคนขับชื่อนายอาทิตย์ วะตะมะ อายุ 62 ปี ชาวบ้านนาแค ต.เวินพระบาท อ.ท่าอุเทน ท่าทางมีพิรุธจึงทำการตรวจค้นพบกระสอบสีเขียวและสีเหลืองจำนวน 2 ใบ วางอยู่ท้ายกระบะ ภายในบรรจุวัตถุแท่งสี่เหลี่ยมผืนผ้าจึงเปิดออกดูพบเป็นยาบ้าจำนวนมาก สอบถามนายอาทิตย์ ยอมรับว่าเป็นยาบ้าที่รับมาจากริมแม่น้ำโขงบ้านตาลปากน้ำ ต.ไชยบุรี อ.ท่าอุเทน ตนเองเป็นเพียงผู้รับจ้าง ชุดจับกุมจึงนำตัวไปสอบสวนขยายผล
นายอาทิตย์ ผู้ต้องหาให้การว่า รู้จักกับนายทุนชาวลาวให้ตนรับจ้างขนยาบ้าไปส่งกับชุดลำเลียงที่จะขับรถยนต์มารับต่ออีกทอด โดยให้ค่าจ้าง 40,000 บาท เห็นว่าเป็นงานง่ายจึงตกลงทำ ซึ่งครั้งแรกประมาณ 2-3 เดือนที่ผ่านมาได้รับจ้างขนยาบ้าจากริมโขงจำนวน 3 กระสอบปุ๋ยไปส่งชุดลำเลียงบริเวณริมถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 หน้าวัดพุทธนิมิต บ้านนาโสกใต้หมู่ 10 ต.เวินพระบาท แต่หลังทำงานสำเร็จกลับได้ค่าจ้างเพียง 18,000 บาท ส่วนที่เหลือนายทุนอ้างจะเอามาให้อีกภายหลัง
ก่อนถูกจับกุมนายทุนชาวลาวได้โทรศัพท์ให้ตนขับรถยนต์ไปขนยาบ้าริมฝั่งโขงที่เดิม และให้ค่าจ้าง 40,000 บาทเท่าเดิม โดยอ้างว่าจะเคลียร์ของเก่าที่ค้างให้ด้วย ซึ่งยาบ้าถูกนำมาโยนไว้ริมตลิ่ง ตนจึงไปแบกขึ้นมาใส่ท้ายกระบะขับมาตามทาง กระทั่งเจอด่านตรวจบริเวณดังกล่าว หากผ่านด่านตรวจได้ก็จะไปจอดรอชุดลำเลียงตรงจุดนัดหมายเดิม
พ.ต.ท.รัชพงษ์ นามปัดสา รอง ผกก.ปป.สภ.ท่าอุเทน หลังสอบปากคำผู้ต้องหาวัยดึกนี้เรียบร้อยแล้ว ได้วางแผนร่วมกับ พ.ต.สิทธิศักดิ์ สิงหะสุริยะ ผบ.ร้อย ฉก.ทพ.2109 ฉก.ทพ.21 เพื่อจับกุมคนร้ายที่จะมารับของที่นัดไว้กับ นายอาทิตย์ โดยให้ นายอาทิตย์ ขับรถไปจอดบริเวณใต้สะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) เขตบ้านห้อม อ.เมือง จ.นครพนม และมีรถยนต์เก๋งโตโยต้า รุ่นโคโลนา วิ่งมาถึงจุดนัดพบโดยมีการส่งสัญญาณเป็นไฟกระพริบให้กันและกัน จากนั้นคนขับรถเก๋งเดินลงมาเคาะกระจกรถ นายอาทิตย์ ให้ขับไปที่จุดเดิมคือหน้าวัดพุทธนิมิต นายอาทิตย์จึงขับนำหน้าไป โดยมีรถเก๋งโคโลราขับตามหลังไปยังจุดส่งยาหน้าวัดพุทธนิมิต บ้านนาโสกเหนือ หมู่ 10 ต.เวินพระบาท เมื่อถึงจุดที่รับส่งยาบ้า ก็มีคนขับทรายว่าชื่อนายสันติสุข อุดมพันธ์ หรือเบิร์ด อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 231 หมู่ 13 บ้านหนองหงส์ ต.โนนดินแดง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ และนายรัฐนนท์ สิมทัศน์ อายุ 21 ปี บ้านเลขที่ 32 หมู่ 7 บ้านโนนดินแดง อ.โนนดินแดง จ.บุรีรัมย์ ได้ลงจากรถมายกกระสอบบรรจุยาบ้าเพื่อนำไปใส่รถเก๋ง เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร จึงได้แสดงตนเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองคน นำไปสอบสวน สภ.ท่าอุเทน และร่วมกันตรวจสอบยาเสพติด(ยาบ้า) บรรจุกระสอบสีเขียว จำนวน 34 มัด กระสอบสีเหลือง จำนวน 33 มัด รวม 67 มัด รวมยาบ้า จำนวน 400,000 เม็ด นอกจากนี้ที่ฝากระโปรงท้ายรถเก๋งยังพบกระเป๋าเดินทางสีฟ้ายี่ห้อดังจำนวน 2 ใบ จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน
จากการสอบสวนนายสันติสุขหรือเบิร์ด ใหการรับสารภาพว่าได้รับการว่าจ้างจากนายทุนชาวลาว ให้ทำหน้าที่ขับรถยนต์มารับยาบ้าจากนายอาทิตย์ โดยได้ค่าจ้างครั้งละ 200,000 บาท ทำมาแล้ว 2 ครั้งๆนี้เป็นครั้งที่ 3 ส่วนนายรัฐนนท์เป็นคนบ้านเดียวกัน ตนจ้างให้นั่งรถมาเป็นเพื่อนให้ค่าจ้างครั้งละ 15,000 บาท ส่วนเงินที่ได้จากการว่าจ้างจะนำไปเที่ยวเตร่จนหมด
ก่อนพบจุดจบ นายเบิร์ด ได้รับการติดต่อจากนายทุนให้ขับรถไปรับยาบ้ากับนายอาทิตย์ บริเวณจุดเดิมคือหน้าวัดพุทธนิมิต ตนจึงไปรับนายรัฐนนท์เดินทางจากจังหวัดบุรรีรัมย์มาเปิดห้องพักในเขตเทศบาลเมืองนครพนม ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน กระทั่งคืนวันที่ 10 เมษายนฯ ก็ออกจากที่พักเพื่อไปรับยาบ้าตามที่นัดหมายกันไว้ จึงถูกเจ้าหน้าที่จับกุมดังกล่าว ซึ่งนายเบิร์ดเล่าต่อว่า สองครั้งที่ผ่านมาหลังรับยาบ้าแล้ว จะนำมาบรรจุใส่กระเป๋าเดินทางที่เตรียมไว้ แล้วจะโดยสารรถทัวร์ล่องไปภาคใต้ส่งให้กับผู้มารอรับอีกทอด การที่ต้องบรรจุใส่ในกระเป๋าเดินทางเพื่อเป็นการตบตาเจ้าหน้าที่เพราะกระเป๋าเดินทางที่เตรียมมามีราคาแพง หากระหว่างทางมีการตรวจสอบเจ้าหน้าที่จะไม่ค่อยขอเปิดดู จึงเป็นช่องว่างให้ลำเลียงยาเสพติดล่องลงใต้ได้ง่าย หลังสอบสวนจึงนำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คน พร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป