สว.ตวง รุดช่วยชาวบ้านขอคืนที่ดินคืนจากธนารักษ์ ให้ชาวบ้านทำสนามกีฬาต้านยาเสพติด
8 ส.ค. 2562, 17:50
ดร.ตวง อันทะไชย สมาชิกวุฒิสภา เดินทางมาช่วยชาวบ้านเปลือยขอคืนที่ดินจากกรมธนารักษ์ให้ชาวบ้านทำสนามกีฬาต้านยาเสพติด ตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่ง ดร.ตวง รับปากชาวบ้านและยืนยันจะติดตามเรื่องตามที่ชาวบ้านต้องการโดยเร็วที่สุด เพื่อใช้เป็นศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ 9 และเป็นการสนองพระราโชบายของรัชกาลที่ 10 ให้เป็นศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาเล่นกีฬาของเด็กและเยาวชน ผู้สูงอายุตลอดจนกิจกรรมของชุมชน ทั้งนี้จะสนับสนุนให้ตำบลรอบเมืองเป็นศูนย์ในการนำร่อง "โครงการธนาคารกีฬา" ตามโครงการของการกีฬาแห่งประเทศไทยอีกด้วย
จากกรณีชาวบ้านเปลือย หมู่ 11 ตำบลรอบเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด จังหวัดร้อยเอ็ด ได้จัดตั้งชมรมกีฬารักบ้านเกิดบ้านเปลือยนอก ขึ้น เมื่อปี 2557 และใช้พื้นที่โรงเรียนบ้านเปลือยนอกทำสนามกีฬาติดตั้งเสาไฟฟ้าสามารถเล่นกีฬาทุกชนิดได้ทั้งวันทั้งคืน โดยมีเด็กเยาวชนและประชาชนมาเล่นกีฬากันแต่ละวันจำนวนมาก ต่อมาเมื่อปี 2559 สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.)ได้สั่งปิดโรงเรียนเนื่องจากจำนวนนักเรียนต่ำกว่าเกณฑ์ พร้อมส่งคืนอาคารสถานที่แก่กรมธนารักษ์ ส่งผลให้สนามกีฬาที่ติดตั้งไฟฟ้าเล่นดั้งกลางวันกลางคืนต้องส่งคืนตามไปด้วย รวมทั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านเปลือยสามัคคี สังกัดกองการศึกษาศาสนาและวัฒนธรรมองค์การบริหารส่วนตำบลรอบเมือง อำเภอเมืองร้อยเอ็ด ใช้อาคารเรียนโรงเรียนนี้ก็เดือดร้อนต้องย้ายออกไปด้วยเช่นกัน โดยไปขออาศัยศาลาภายในวัดบ้านเปลือยนอกเป็นสถานที่เรียนตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมา
สำหรับอาคารสถานที่และสนามกีฬาถูกตัดไฟ-ตัดน้ำขาดคนดูแลก็รกร้าง หญ้าขึ้นท่วมสูงจนน่ากลัว ทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในหมู่บ้าน เด็กและเยาวชน รวมตัวกันนำความสะอาดและปรับปรุงตกแต่งจนคืนสภาพเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว จากนั้นได้ทำประชามติขอคืนที่ดินจากกรมธนารักษ์ให้ชาวบ้านทำสนามกีฬาต้านยาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล โดยมี ดร.ตวง อันทะไชย สมาชิกวุฒิสภา รับปากจะสนับสนุนตำบลรอบเมืองเป็นศูนย์ในการนำร่อง "โครงการธนาคารกีฬา" ตามโครงการของการกีฬาแห่งประเทศไทย
วันที่ 8 สิงหาคม 2562 ใต้อาคารเรียน อดีตโรงเรียนบ้านเปลือยนอก ดร.ตวง อันทะไชย สมาชิกวุฒิสภา ได้เดินทางจากกรุงเพมหานครมาพบปะชาวบ้านเปลือยที่ได้รับความเดือดร้อนขอคืนที่ดินจากกรมธนารักษ์ให้ชาวบ้านทำสนามกีฬาต้านยาเสพติด โดยมี แกนนำชาวบ้านนายรัศมี ศีรษะภูมิ ข้าราชการบำนาญ ที่ปรึกษาชมรมกีฬารักบ้านเกิดบ้านเปลือยนอก นายพชร อุตรมาตย์ ประธานชมรมกีฬารักบ้านเกิดบ้านเปลือยนอก นางฉวีวรรณ อารีเอื้อ ประธานสภา อบต.รอบเมือง นางอารี หนูแสน สอบต.รอบเมือง นางพรรณรัตน์ อุตรมาตย์ ผญบ.เปลือยนอก นำชาวบ้านให้การต้อนรับ และรายงานผลการดำเนินการเบื้องต้นว่าองค์การบริหารส่วนตำบลรอบเมือง เป็นเจ้าของเรื่องส่งหนังสือผ่านนายอำเภอเมืองร้อยเอ็ด ถึงธนารักษ์จังหวัดร้อยเอ็ดเพื่อนำเสนอกรมธนารักษ์ขอคืนที่ดินให้ชาวบ้านทำสนามกีฬาต้านยาเสพติดตามนโยบายของรัฐบาล ซึ่ง ดร.ตวง รับปากชาวบ้านและยืนยันจะติดตามเรื่องตามที่ชาวบ้านต้องการโดยเร็วที่สุด
ดร.ตวง กล่าวภายหลังการพบปะชาวบ้านว่า ผู้ใหญ่บ้านร่วมกับชมรมผู้สูงอายุของตำบลรอบเมืองท่านมีความประสงค์ที่จะใช้โรงเรียนที่ไม่ใช้แล้วปัจจุบันเป็นของกรมธนารักษ์อยากจะใช้เป็นศูนย์กีฬาเฉลิมพระเกียรติล้นเกล้ารัชกาลที่ 9 และเป็นการสนองพระราโชบายของล้นเกล้ารัชกาลที่ 10 ให้เป็นศูนย์ฝึกอบรมพัฒนาเล่นกีฬาของเด็กและเยาวชน ผู้สูงอายุตลอดจนกิจกรรมของชุมชน สถานที่แห่งนี้มีสนามมีอาคารเรียบร้อยแล้ว ผู้ใหญ่บ้านและคณะท่านประธานผู้สูงอายุท่านบอกว่าถ้าได้ใช้สถานที่แห่งนี้แล้วก็จะเป็นศูนย์กลางของหมู่บ้าน ตนก็รับเรื่องจากชาวบ้านแล้วตอนนี้ได้ให้ผู้ใหญ่บ้านประสานไปยังทางอำเภอเพื่อประสานไปยังจังหวัดให้จังหวัดได้แจ้งไปยังกรมธนารักษ์เจ้าของว่าสถานที่แห่งนี้มันว่างเปล่าเดิมทีเป็นโรงเรียนร้างที่ไม่มีนักเรียนแล้วให้ได้ประโยชน์ต่อชุมชนและสาธารณะ เป็นศูนย์กีฬาเป็นศูนย์ฝึกอบรมศูนย์ในการเรียนรู้ของชุมชนชาวบ้านน่าจะเป็นประโยชน์ตามนโยบายของรัฐบาล จากนั้นถ้าหากว่าไปถึงทางจังหวัดแล้วก็จะส่งไปยังกรมธนารักษ์เพื่อให้กรมอนุมติตนมีหน้าที่จะติดตามให้เรื่องนี้อนุมัติโดยเร็ว ขั้นตอนต่อไปได้คุยกับชาวบ้านว่าจะเป็นศูนย์การเรียนรู้ทั้งฝึกอบรมฝึกอาชีพเรียนรู้ด้านการกีฬาศูนย์เรียนรู้สำหรบเด็กเล็กตลอดจนศูนย์เรียนรู้ผู้สูงอายุในการดูแลสุขภาพและประกอบกิจการตลอดจนกิจกรรมร่วมกันของกลุ่มผู้สูงอายุในตำบลรอบเมืองเป็นตัวอย่างของการใช้อาคารสถานที่ของโรงเรียนที่ถูกยุบที่ไม่มีประโยชน์กลับมาใช้ประโยชน์ให้เป็นประโยชน์กับสาธารณะให้มากขึ้น
ต่อข้อถามที่ว่าจะใช้เวลาดำเนินการนานเท่าใด สว.ตวง บอกว่า ถ้าเป็นขั้นตอนของการปฏิบัติไม่นานตนได้เรียนรองผู้ว่าฯที่รับผิดชอบไปว่าให้ดำเนินการไปเลยเพราะว่าอาคารถ้าไม่ได้ใช้มันจะผุพัง ส่วนเรื่องทางกรมธนารักษ์ตนคิดว่าไม่มีปัญหาเพราะว่ามันเป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้วว่าโรงเรียนที่ไม่ได้ใช้อาคารและสถานที่จะต้องนำไปให้ชุมชนได้ใช้ประโยชน์ในแง่ของกีฬานันทนาการ ประโยชน์ในแง่ของการฝึกอบรมและพัฒนาเป็นที่พัฒนาของผู้สูงอายุหรือเด็กเยาวชนอันนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว ซึ่งตนคิดว่าไม่นานและคงไม่มีปัญหาเพราะเป็นประโยชน์ของชาวบ้านอย่างแท้จริง อันนี้ไม่มีปัญหาถ้าหากว่าทางกรมธนารักษ์ได้อนุมติให้ อบต.รอบเมืองได้เป็นผู้ดูแลแล้วและมอบให้ผู้ใหญ่บ้านเป็นเจ้าภาพในการดูแล เขาก็ได้สอบถามผู้ใหญ่บ้านแล้วและท่านประธานผู้สูงอายุ หลังจากนั้นเขาก็จะตั้งคณะกรรมการขึ้นมาบริหารจัดการศูนย์ ถ้าได้รับการอนุมัติเป็นทางการงบประมาณก็จะผ่านมายัง อบต.นั่นช่องทางที่ 1 ช่องทางที่ 2 เป็นช่องทางที่ผู้บริหารศูนย์มีท่านผู้ใหญ่บ้านและคณะโดยเฉพาะคุณฉวีวรรณ ประธานสภา อบต.รอบเมืองเป็นผู้ดูแลจัดการก็จะใช้ศูนย์ตรงนี้เป็นศูนย์การเรียนรู้ที่สามารถจัดฝึกและพัฒนาตลอดจนจัดกิจกรรมของชุมชนเช่นงานบวช งานแต่งงานสามารถทำได้ งานนี้ก็จะสามารถมีรายได้มาบำรุงศูนย์มาบริหารศูนย์ รายได้อีกประเภทหนึ่งคือรายได้ของการเป็นสมาชิกในอนาคตได้คุยกับผู้ใหญ่บ้าน ประธานฉวีวรรณและประธานชมรมผู้สูงอายุว่าพอกิจกรรมมันครบทั้งฟุตบอล ตะกร้อ วอลเลย์บอลตลอดจนกิจกรรมกีฬาอื่นๆคนที่เป็นสมาชิกจะต้องเสียค่าบริการเด็กเยาวชนจะต้องมีส่วนร่วมจะได้มีที่ฝึกอบรมตลอดจนผู้ที่มาใช้บริการจะต้องเสียค่าใช้จ่ายบ้างเล็กน้อย 10 บาท 20 บาท แน่นอนทีเดียวในเรื่องกีฬาเนื่องจากโครงการนี้เป็น "โครงการธนาคารกีฬา" เป็นโครงการของการกีฬาแห่งประเทศไทยที่อยู่ในแผนยุทธศาสตร์ของการพัฒนากีฬา ตนได้พูดกับคุณชาญวิทย์ ผลชีวินแล้วว่า จะขอเอาตำบลรอบเมืองเป็นศูนย์ในการนำร่องเขาก็จะจดสรรงบประมาณมา อาจจะได้ในทั้งแง่ของบุคลากรที่มาช่วยสอนที่เรียกว่าบุคลากรทางด้านนันทนาการอันนี้ต้องจ้างเรื่องนี้ไม่ยากขอให้กรมธนารักษ์อนุมัติมาก่อนเรามีขั้นตอนต่อไปก็จะเป็นประโยชน์อย่างน้อยตำบลรอบเมืองทั้ง 20 หมู่บ้านจะได้ใช้ประโยชน์และตนคิดว่าตำบลอื่นๆก็น่าจะลองมาดูรูปแบบนี้เพราะมีหลายที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ให้ชาวบ้านเป็นศูนย์นันทนาการศูนย์กีฬา ศูนย์ฝึกอบรมอาชีพได้